Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
จาก Blog เก่าเมื่อปีก่อน, “โกงสามชั้นกับ Bus สายการบินปลอม” ที่ Vietnam ก็ว่าเลวร้ายแล้ว
แต่มาวันนี้, ผมนั่งเขียน Blog อยู่ที่ Manila
เจอปัญหาตั้งแต่ในสนามบิน [Vietnam ยังถือว่าเจอ “หน้าสนามบิน…”]
พอดีผมมาถึง Philippines ตอนเช้าและมีเวลาเหลือเฟือตามประสา Backpacker ซำเหมา, ก็เลยไปเข้าคิวรอซื้อกาแฟจากร้านเล็กๆ ชื่อ “Cafe France” ที่ดูแล้วเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษน้อยกว่าเจ้าอื่นๆ ที่มืดๆ ดำๆ เก่าๆ โทรมๆ [ย้ำว่าอยู่ในสนามบิน]
และเมื่อมาถึงคิว, สิ่งแรกที่เห็นก็คือป้ายภาษาอังกฤษที่เขียนว่า “ลูกค้ากรุณาขอใบเสร็จทุกครั้งหลังสั่งกาแฟ”
อาจไม่แปลกอะไร, เห็นร้านในไทยหลายที่ก็มีป้ายทำนองนี้
แต่ฝรั่งบางคนก็ไม่ได้ขออยู่ดี
เพราะก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
แต่เคยเจอ Backpacker ด้วยกันเตือนว่าจริงๆ มัน “สำคัญ” เพราะใบเสร็จคือหลักฐานว่าเราได้จ่ายเงินซื้อของเขา, โดยเฉพาะในประเทศที่ความปลอดภัยต่ำๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานเรียกตำรวจ [ชั่วๆ ฮั้วกัน] มาจับเราด้วยข้อหาขโมย
และใบเสร็จยังทำให้เราแน่ใจได้ด้วยว่าพนักงานเอา “สินค้าในร้าน” มาให้, ไม่ใช่แอบเทอะไรก็ไม่รู้ใส่
เกิดอาหารเป็นพิษขึ้นมา, ก็ยังมีหลักฐาน Claim กับบริษัทประกันว่าเราเข้าโรงพยาบาลเพราะร้านไหน
และนั่นนู่นนี่, ไปจนถึงเหตุผลของทางร้านเองว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานแอบยักยอกเงิน
ผมก็เลยถามหาใบเสร็จ [ถ้าไม่ได้อยู่ในสนามบินคงไม่กล้า, กลัวโดนยิง]
พนักงานร้านกาแฟแห่งประเทศ Philippines ทำหน้าเอือมระอา
แล้วก็รื้อๆ หากระดาษอะไรสักอย่างสีขาวๆ ส่งให้
มันเป็นใบเสร็จที่ “เก่ามาก”, เปื้อนไปด้วยคราบสีน้ำตาลๆ แถมอักษรยังเลือนจนมองแทบไม่ออก !
และเมื่อดูดีๆ, ทั้งเวลาทั้งวันที่ก็ไม่ตรงกับตอนผมซื้อ [วันที่บนใบเสร็จนั่น, ผมยังไม่ได้เข้าประเทศมันเลยด้วยซ้ำ]
พอมาคิดอีกที, พนักงานน่าจะไปรื้อจากถังขยะ…
ทั้งที่ร้านนี้เป็นร้าน Chain ใหญ่ [คล้ายๆ Cafe Amazon ของบ้านเรา] และทั้งที่ร้านนี้ตั้งอยู่ในสนามบิน Manila แต่ก็ยังโกงนักท่องเที่ยวได้อย่างหน้าด้านๆ, สมกับเป็นการต้อนรับเข้าสู่ประเทศแห่งการ Corruption อันดับหนึ่งของ Asia
หลังจากนั้น, ผมก็ยังเจออีกหลายเรื่องใน Airport เพราะในสนามบินมี “ป้ายบอกทาง” น้อยมาก
มีอยู่ทีที่ตรวจเอกสารกับ Passport เสร็จ, ผมก็เดินตรงเข้าประตูไป
ผ่านหน้ายามที่กำลัง “หลับ” อยู่
เจอ Lift หนึ่งตัวที่ไม่มีป้ายอะไร, ด้านซ้ายเป็นทางออกเล็กๆ ที่เขียนว่า “Departure”
ผมก็เดินไปตามทาง, ปรากฏว่ายามวิ่งมาชี้หน้าตะคอกใส่ว่า “ไม่ใช่ทางนี้” ต่อด้วย “เห็นเขาหลับทำไมไม่รู้จักปลุก !”
[กลายเป็นความผิดผมอีกที่มันหลับ…]
จริงๆ เหตุผลที่ผมบินครั้งนี้คือ “มีงานที่ญี่ปุ่น” แต่ “เลือก” ที่จะแวะ Philippines ด้วยความตั้งใจเพราะอยากเห็นกับตาว่าทำไมประเทศนี้ถึง “ล่มสลาย” ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวหน้ากว่าใครๆ จนถึงขั้นมี “รถไฟฟ้าเป็นชาติแรกใน Southeast Asia“
และพบว่าผมไม่น่าสงสัยให้เสียเวลา
ปัญหาของ Philippines ไม่ได้เกิดจากการที่ผู้นำเผด็จการทำ Corruption จนประชาชนอดอยากถึงขั้นต้องไป “ค้นเศษไก่จากถังขยะกิน” เหมือน BBC ว่า, และอีกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นในประเทศไหนแม้แต่ใน Vietnam ครั้งก่อนก็คือตอนเครื่องบินลงจอด
ถ้าเป็นที่ Haneda, ทุกคนจะนั่งนิ่งๆ จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับ
ประเทศอื่นอาจมีบ้าง, ที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังหรือใครสักคนลุกขึ้นมาเปิดช่องเก็บของตอนเครื่องจอด
แต่ตอนลงที่ Ninoy Aquino, คน “เกือบทั้งลำ” ลุกฮือพร้อมๆ กันทั้งที่ล้อยังไม่ทันแตะพื้นสนามบิน !
ทั้งตะโกนด่าและผลักกันแค่เพื่อจะได้ “ลงจากเครื่องก่อนใคร” จนแอร์ฯ ต้องประกาศออกไมค์แต่ก็ไม่มีใครฟัง
นี่ยังไม่ทันออกจากสนามบิน, ผมหายสงสัยเป็นปลิดทิ้งว่าทำไมคนชาตินี้ถึงต้องกิน PagPag