Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ถ้าพูดถึง “Ramen ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น”, ผมจะนึกถึง “Rokurinsha [六厘舎]” เป็นร้านแรกและ Rokurinsha ก็ได้รับยอมรับว่าเป็น “ที่หนึ่ง” ของ The Ramen Street แห่ง Tokyo Station ที่คัดเอา Ramen ระดับสุดยอดจากทั่วญี่ปุ่นมารวมกันด้วย
แต่อย่างคุณน้องสาวผม [ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่] เขาไม่ชอบ Ramen เส้นหนาๆ หนักๆ ใหญ่ๆ แบบ Rokurinsha เท่าไร
เมื่อวาน, ระหว่างที่นั่งคิดว่าเย็นนี้จะทานอะไรดี [ปัญหาระดับชาติที่เกิดขึ้นทุกวัน…]
คุณน้องผมเลยก็ชวนไป “Kibitarou [きび太郎]”, ร้านโปรดของนางแถว Asakusa ψ(`∇´)ψ
ว่าแล้วก็ Review ลง Blog ไว้เผื่อใครเป็นแนวเดียวกับบ้านผม, คือไม่ชอบร้านที่ออกแนว “ขายนักท่องเที่ยว”
หน้าตาของ Kibitarou [きび太郎] ก็ดังภาพ, ร้านบะหมี่ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้ “ตู้กด [Vending Machine]” ในการสั่งอาหารและ Kibitarou [きび太郎] ก็มีเขียนวิธีใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ [ตัวเล็กๆ] ด้านขวาล่างของภาพพร้อม Menu แนะนำ…
แน่นอนว่าต้อง “Black Ramen !”
บะหมี่เส้นหนากำลังดี, ที่ใส่มาในน้ำซุปสีดำสนิท !
และก็มี Menu อื่นๆ ตามประสาร้านบะหมี่ที่เน้นซุปซีอิ๊ว [Shoyu Ramen]
รวมทั้งบะหมี่แยกซุปจิ้มเส้นที่เรียกว่า “Tsukemen” ของโปรดผม
หรือถ้าใครมั่นใจใน “ฝีมือ พุง” ของตัวเอง, ก็มี Ramen ขนาดยักษ์สำหรับสามท่านกินไว้ให้บริการ !
ใครทานคนเดียวสำเร็จ, ทางร้านมีบริการถ่ายรูปแปะข้างฝาเพื่อความภูมิใจ [?] ไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน (メ`ロ´)/!
บรรยากาศในร้านก็ดังภาพ, ลูกค้าส่วนมากเป็น Salary Man ชาวญี่ปุ่น
[ร้านบะหมี่แบบ “ลุยๆ” ของประเทศนี้มักไม่ค่อยมีผู้หญิงเดินเข้ามาทานคนเดียวเท่าไร]
ทุกคนหน้าดำครำ่เครียดกับ Ramen ที่อยู่ตรงหน้า !
ผมกับคุณน้องก็สั่งมาคนละชาม
เป็น “บะหมี่จิ้มซุป [Tsukemen]” หนึ่งและ “Black Ramen” อีกหนึ่ง
ความมันถือว่า “เต็มพิกัด”, เหมาะมากสำหรับการซดร้อนๆ ในฤดูหนาว ψ`ー´)ノ
สิ่งที่พิเศษสุดๆ ของ Kibitarou [きび太郎] อีกอย่างก็คือ “เติมกระเทียมได้ไม่อั้น”, มีวางเอาไว้ที่โต๊ะให้ใส่ฟรีๆ ทั้งแบบ “กระเทียมเจียวกรุบกรอบ” และ “กระเทียมสับสุดเข้มข้น” ช่วยทั้งชูรสแถมยังเพิ่มสัมผัสเวลาเคี้ยวให้เพลิดเพลินจนหยุดไม่ได้ !
แผนที่ร้านก็ง่ายๆ, ออกจากวัด Sensoji [ที่คนไทยเรียกว่า “วัด Asakusa”] มาทาง Donki หรือจะมองหาโรงแรมใหญ่ที่ชื่อว่า “Asakusa View Hotel” ก็ได้และ Kibitarou ก็ยังเป็น “พันธมิตรบะหมี่” ร่วมกับอีกหลายร้านในแถบ Asakusa
เผื่อใครอยากเดินหาร้าน Ramen แบบที่คนท้องถิ่นกินจริงๆ, ไม่ใช่ร้านที่เน้นขายนักท่องเที่ยว
[อย่าง “Ichiran” หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า “Ramen ข้อสอบ” นี่, ผมเห็นมีแต่คนไทยกับทัวร์จีนไปต่อคิว…]
ว่างๆ ก็ลองเดินหาร้านเล็กๆ ในตรอกแคบๆ ดู
จากประสบการณ์ส่วนตัว, ผมว่ายากมากที่เราจะเจอ “ร้านบะหมี่ไม่อร่อย” ในประเทศนี้ ( ˘▽˘)っ♨
และการนั่งทานอาหารง่ายๆ ในร้านที่ล้อมไปด้วยเสียงช้งเช้งล้งเล้งของคนท้องถิ่นมันก็ได้บรรยากาศ
ต่างจากการนั่งในร้านที่ลูกค้าทุกคนพูดภาษาไทยหรือไม่ก็ภาษาจีนเยอะเลยละครับ