Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
จากข่าว BBC ที่ว่า “Nearly all applicants for US visas will have to submit their social media details under newly adopted rules”, ยกเว้นแค่ Visa ของฑูตและเจ้าหน้าที่รัฐฯ ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องตรวจสอบ Social Networks
กฏหมายใหม่ในยุค Donald J Trump ข้อนี้, คงยิ่งทำให้การขอ Visa เข้า US สำหรับคนไทยยากขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะกับคนที่ “ขอครั้งแรก”
สิ่งที่สถานฑูตต้องการเพิ่มเติมนับจากนี้ก็เช่น Email / เบอร์โทรศัพท์ / Username ที่ใช้บน Social Networks หลัก
รวมไปถึง Facebook & Twitter และ Instagram, ข้อมูลทั้งหมดต้องตรวจสอบย้อนหลังได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี !
นอกเรื่องนิด, พอดีเมื่อวันก่อนมีโอกาสได้นั่งคุยกับสำนักแปลภาษาส่งสถานฑูตเจ้าใหญ่ของเมืองไทย
เขาก็มีถามเหมือนกันว่าแล้วเวลาผมขอ Visa, ใช้บริษัทไหนแปลเอกสาร ?
[ผมมี Multiple Japan / Multiple UK / Schengen หลายครั้งและ US 10 ปี]
คำตอบของผมทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย, เพราะผมไม่เคยจ้างใครแปลเลย
และเวลาสัมภาษณ์ Visa, ผมก็แทบไม่เคยถูกถามอะไร [ทั้งที่เป็น Freelance ซึ่งก็แปลว่าไม่มีใบรับรองการทำงาน]
รวมทั้งตอนขอ US Visa, เจ้าหน้าที่ก็ถามแค่ “ไปรัฐไหน ?” และ “ทำไมถึงอยากไป ?”
[ผมตอบว่า “ไป New York” และ “คือผมฟังเพลง New York City ของ Norah Jones แล้วชอบมากเลยอยากไปเห็นว่ามันจะหน้าตาเหมือนในเพลงรึเปล่า”, ปิดท้ายด้วย “เดี๋ยวร้องให้ฟังเลยว่าท่อนไหนที่ผมอยากเห็นบ้าง !”]
ผ่าน, พร้อมเสียงหัวเราะ
ส่วนตัวผม “เชื่อ” ว่าถ้าเราตอบความจริงอย่างตรงไปตรงมา, นั่นคือดีสุดแล้ว
เหมือนตอนขอ Visa ไป UK ครั้งแรก, ผมก็กรอกว่า “อยากไปดู Stonehenge ว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างจริงไหม ?”
ตอนขอ Multiple Japan สมัยที่ยังต้องใช้ Visa, ผมเขียนว่า “ชอบ Ramen มาก” และ “อยากตะลุยกินทั่วประเทศ”
ผ่านหมด…
แต่เท่าที่คุยกับสำนักแปลท่านนี้, เขาบอก Tricks [ไม่แน่ใจว่าเรียก “Tricks” ได้ไหม] ว่า “คนที่เลือกสัมภาษณ์ US Visa กับเจ้าหน้าที่ฝรั่งมักจะผ่านตั้งแต่ยังไม่ทันได้คุยแล้ว” เพราะแปลว่า “เราสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับที่มั่นใจมากพอ”
และที่จริง, เจ้าหน้าที่เขาก็ “รู้ประวัติ” เราทุกอย่างผ่าน Database ของรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนจะเดินเข้าห้องสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ
แค่อยาก Confirm ครั้งสุดท้ายแบบเห็นหน้า, ว่ามัน [ในที่นี้คือผม] มีพิรุธหรือเป็นผู้ก่อการร้ายปลอมตัวมารึเปล่าเท่านั้นเอง
แต่ถ้าเลือกสัมภาษณ์ US Visa เป็นภาษาไทย, โดยเฉพาะใครที่อยากไป USA คนเดียว
แต่ดันสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
เอาจริงๆ, ผมก็ว่ามันดูประหลาดๆ
ถ้าคิดว่าตัวเองคุยภาษาอังกฤษได้, เขาก็แนะนำให้เลือกสัมภาษณ์กับต่างชาติดีกว่า [แม้จริงๆ เจ้าหน้าที่ฝรั่งหลายท่านในสถานฑูตก็พูดไทยได้] และก็ไม่ต้องเครียดหรือกังวลให้มากเพราะอย่างที่บอกว่าเขา Check จากฐานข้อมูลมาก่อนอยู่แล้ว
ไปห่วงเรื่อง Facebook แทนดีกว่า, ว่าเคยด่าท่าน Trump ไว้ขนาดไหน
ต่อไปอาจมีตรวจสอบด้วยว่าใครเชียร์ Huawei มากนัก, ห้ามเข้า USA ไปเลย [ท่าจะดี]