Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Update : มีคนอ่านบน Facebook Fanpage เจ็ดแสนกว่าครั้ง, ขอบคุณทุกท่านที่สนใจครับ
เขียนลง Blog ไว้เผื่อใครจะบิน TG First Class มาดู Tokyo Olympics 2020, โดยเฉพาะเส้นทาง Haneda ที่บางคนกังวลว่า “จะได้ที่นั่งแบบเก่า” เพราะ Boeing 747 400 ที่การบินไทยใช้ในเส้นทางนี้มันมีที่นั่งชั้นหนึ่งอยู่ 2 แบบด้วยกัน
คือแบบเก่า [Pod] ที่ไม่มีฉากกั้นแต่ละบุคคลและแบบใหม่ [Suite] ที่ดูคล้ายๆ กล่องของใครของมัน
ซึ่งผมได้แบบใหม่, ใน Flight กลางวันที่ออกจาก Airport สุวรรณภูมิตอนบ่ายตรง
แต่เท่าที่คุยกับ Crew บนเครื่อง, ได้ความว่า “ชั้นหนึ่งของ Route ญี่ปุ่นเปลี่ยนมาเป็นที่นั่งแบบใหม่ [Suite] หมดแล้ว”
จะมีก็แค่ใน Case ที่โชคร้าย, ต้องเอาเครื่องเก่ามาใช้จริงๆ เท่านั้น [แต่มั่นใจได้นะคะว่าคุณท่านจะได้รับบริการดีเท่ากันค่ะ]
จาก Blog ที่แล้วว่าด้วย “TG First Class Checkin & Lounge“, ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
โดยคุณพนักงานจะมาตามตัวเราเอง, ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
ที่นั่งของผมก็ตามภาพ, ทำการ Online Checkin มาล่วงหน้า
เพราะเวลามาญี่ปุ่น, ผมจะอยากนั่งฝั่งซ้ายจึงเลือก 1A [ฝั่งขวาจะเริ่มที่ 1K]
ทันทีที่นั่งก็จะมี Crews เดินมาแนะนำตัว, พร้อมเครื่องดื่มอย่าง Don Perignon [Champagne] ซึ่งก็บอกตรงๆ ว่าชิมไปนิดเดียวเพราะไม่ค่อยชอบเหล้าที่มีฟองต่อด้วย Violet Bliss ที่เป็นเครื่องดื่มประจำสายการบินทำจากน้ำอัญชันผสมมะนาว
ตามมาด้วยของเรียกน้ำย่อย, เป็น Salsa ที่มากับเห็ดภูฏานกรอบ [อันนี้อร่อยเพลินสุดๆ !!!]
และแน่นอนว่าตรงที่นั่งก็มีวาง Amenity Kit ให้หนึ่งกล่อง, ยังคงเป็นของ Rimowa เจ้าเก่าเหมือนเคย
[ดีใจมากที่ได้สีน้ำเงิน, เข้าคู่กับคุณ BigBike ของผมเลย]
แต่ก็จะขอเล่าอย่างตรงไปตรงมา, ท่านที่อ่าน Blog ประจำก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าผมเกิดมาเป็นลูก Messenger ส่งอะไหล่และชอบเดินทางแบบ Backpack, ที่หลังๆ เริ่มบิน Business Class & First Class ก็มาจากการแลกไมล์ผ่าน Credit Cards
บริการบน TG First Class เป็นไปด้วยความสุภาพ [มาก], Crew คลานเข่าเข้าหา & เรียกผมว่า “คุณท่าน” ทุกครั้ง
ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึก “ผิดที่ผิดทาง”, อย่างที่เขียนไปบน Facebook ส่วนตัวเมื่อวาน
ว่าผมไม่ชอบเวลาผู้ใหญ่กว่าเดินมาไหว้ / ไม่ชอบคนคลานเข่าใส่และไม่ชอบเวลาใครเรียกว่า “คุณท่าน”
คือผมไม่ได้เกิดมาเป็นคุณหนูเหมือน Blogger & YouTuber หลายๆ คนที่เขา Review ที่นั่งชั้นหนึ่งกันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าใครชอบแนวนี้, TG First Class น่าจะได้ล้านคะแนนเต็ม
ด้วยความซำเหมา, สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดบน TG First Class จึงเป็น “Ramen !!!”
จากความร่วมมือระหว่างการบินไทยและร้าน Menya Itto [มีสาขาในไทยแถวเพลินจิต]
เกิดเป็นบะหมี่บนเครื่องบิน, ที่จัดวางใส่ชามมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ทั้งหมูอบ / หน่อไม้ / ไข่ต้มและ Soup, เหมือนกับทานในร้าน Ramen สุดๆ [แต่ลดปริมาณเส้นลงเหลือน่าจะสักหนึ่งในสาม, ซึ่งก็ดีแล้วสำหรับการทานบนเครื่องบิน] แม้ตัวบะหมี่อาจไม่เหนียวเคี้ยวไม่เพลินเท่ากับการทานบนภาคพื้นดินก็ตาม
แต่เอาเป็นว่าผมประทับใจ “Menya Itto” ชามนี้มากกว่า Lobster Thermidor ที่หลายๆ คนแนะนำให้สั่งด้วยซ้ำ
การได้ซดอะไรร้อนๆ มันเพิ่มพลังระหว่างบินได้ดีจริงๆ [หรือเพราะผมเป็นจับกังในสายเลือด…]
แต่ Menu นี้จะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ, ได้ยินว่าช่วงฤดูหนาวจะเปลี่ยนเป็น Chef จาก Scandinavia แทน
และก็เช่นเดียวกับตอนอยู่ใน Royal Orchid Spa, เราจะลืมไปเลยจริงๆ ว่า “กำลังบินอยู่” เพราะพื้นที่ “กล่องส่วนตัว” มันทั้งกว้างทั้งยาวโดยเฉพาะกับคนไทยที่ส่วนใหญ่ก็ไม่น่าจะสูงเกิน 170 – 180 cm จนยืดขาแค่ไหนก็ไปไม่ถึงที่พักเท้า [Ottoman]
ระยะเวลาหกเจ็ดชั่วโมง, ไม่รู้สึกอึดอัดหรือเหนื่อย
ผมก็นั่งทานนั่นนี่ไปเรื่อย, ดูหนังหนึ่งเรื่อง [เพิ่งเคยดู Prometheus และ Recommend !!!]
อยากได้อะไรก็ขอได้, ไม่ว่าจะเป็นอาหารใน Menu หรือเครื่องดื่มและขนมต่างๆ
คุณ Crews ก็จะวิ่งมา [คลานเข่าเรียกคุณท่าน…] พร้อมจัดให้ตามประสงค์ในบัดดลฯ
สำหรับห้องน้ำด้านหลังก็มีด้วยกัน 2 ห้อง, ใช้เฉพาะผู้โดยฯ ชั้น First Class ที่มีกันแค่ห้าคน
มันเหมือนนิยามของฝรั่งที่เขาว่า “Privacy is the New Rich”, คนรวยยอมจ่ายได้เพื่อความเป็นส่วนตัว
[ดูหนังทีไรได้รับผลข้างเคียง, พยายามถ่ายรูปให้เหมือนอยู่ในยาน Prometheus…]
แต่ก็นั่นแลฯ, เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าถ้าอยากได้ “พื้นที่เพิ่ม” อีกสักนิดก็คงเลือก Business Class
เพราะจากที่ปีก่อนบินชั้นธุรกิจของ Cathay Pacific Business Class & Japan Airlines, ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ คือ “Space” หรือ “Leg Room” สำหรับยืดขาและนั่นก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ Airlines จึงมีที่นั่งแบบ “Premium Economy” ขึ้นมา
อย่าง TG เองก็มีในบาง Route, ใช้ที่นั่งแบบ Business Class ที่ปรับนอนได้ 180 องศามาบริการ
แต่อาจตัดพวก Lounge สนามบิน / Amenity Kit ทิ้งไปและอาหารก็อาจเป็นแบบเดียวกับชั้น Economy Class
ซึ่งแค่นั้นมันก็ Make Sense สำหรับหลายๆ คน, ที่ขึ้นเครื่องก็อยากจะงีบยาวๆ จนถึงสนามบินปลายทาง
ไม่ได้ต้องการอาหารไม่อั้น / เหล้าดีๆ หรือบริการชั้นเลิศ, แต่แค่จะนอน !!!
[กระเป๋าล้อลากก็มีตัวอักษร F และป้าย Priority, ใบนี้ใส่พวกของฝากไทยๆ มาให้คุณน้องสาวเฉยๆ]
ผมนึกถึงตอนเข้า Sakura Lounge ของ Jal ฝั่ง Tokyo, ผู้โดยสารชั้นธุรกิจต้องเอาจานที่ตัก Buffet ไปเก็บเอง !!!
อาจฟังดูแปลกๆ ที่ผมชอบแบบนั้นมากกว่า, โดยเฉพาะตอนที่ Purser [หัวหน้า Crew บนเครื่องที่ดูอายุแล้วน่าจะน้อยกว่าพ่อผมนิดเดียว] เดินมาไหว้แล้วก็คุกเข่าแนะนำตัวมันทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจชอบกล [ซึ่งคงเป็นปัญหาที่ตัวผมนี่แลฯ]
แต่รวมแล้วก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน, กับการที่ครั้งหนึ่งได้ลองบิน First Class ในตำนานของการบินไทย
ไว้ครั้งหน้าว่าจะลองบิน Business Class ดูบ้าง
เพราะยังมีไมล์ ROP เหลือจากพวก Credit Cards พอสมควร
อาจเป็น Review ที่ไม่เป็นประโยชน์เท่าไร, Blog ต่อไปกลับมาพูดเรื่องหิ้ว iPhone 11 Pro Max สุดถูกที่ญี่ปุ่นดีกว่า