Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
7 Eleven ถือกำเนิดที่ Texas แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นของญี่ปุ่น, หลังการเข้า Take Over ของบริษัท 7&i Holdings Japan และ 7 Eleven ก็กลายเป็นร้านสะดวกซื้ออันดับ 1 ของประเทศ [ก่อนจะกลับไปเปิด “711 New York” อีกครั้ง :)]
นี่คือที่ตั้งและรูปถ่ายของ 7 Eleven สาขาแรกเมื่อปี 1974, หรือ 40 ปีมาแล้ว…
สมัยนั้น, 7 Eleven ที่ญี่ปุ่นยังเปิด 7 โมงเช้าและปิด 11 PM อยู่เลย [จึงได้ชื่อว่า 7 – 11 นั่นเอง]
แต่เชื่อไหมครับว่าคนไทยจำนวนมากที่มาญี่ปุ่นอาจเคยเดินผ่าน 7 Eleven สาขาแรกนี้ โดยที่ไม่รู้ตัว ?
เพราะตามบันทึกประวัติศาสตร์, 7 Eleven สาขาแรกเปิดที่เขต Toyosu ดังภาพ !
[แม้แต่สื่อไทยยังเคยลงข่าวนี้, ตอนนั้นยังเป็น “ปีโชวะที่ 49” อยู่เลย :)]
โดยสินค้าชิ้นแรกที่ขายได้ใน 7 Eleven สาขานี้คือ “แปรงสีฟัน” ครับ
ที่บอกว่าคนไทยต้องเคยเดินผ่าน, หรืออาจเคยแวะซื้อน้ำซื้อขนมที่ 7 Eleven สาขานี้ก็เพราะมันตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟฟ้าสายใหม่ชื่อ “Yurikamome” สำหรับนั่งไปยัง Odaiba หรือ Venus Fort นั่นเอง !
ถ้าดูตามแผนที่ Google Maps, ก็ดังภาพ…
ใครที่ตั้งใจจะไป Odaiba / VenusFort, ก็มักจะมาลงสถานี Toyosu ตรงนี้
และเดินข้ามทางม้าลายไปที่หน้า “7 Eleven” สาขาแรก, ก่อนจะเลี้ยวขวาเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า Yurikamome
และขากลับก็สามารถนั่งรถไฟฟ้า Yurikamome มายัง Toyosu, เพื่อขึ้นสาย Yurakucho Line ต่อได้เช่นกัน
ตอนที่ผมมา, กำลังมีรถบรรทุกส่งของลงในร้าน 7 Eleven พอดีเลย :)
แต่มันไม่มีอะไรให้สังเกตจริงๆ ว่านี่คือ “7 Eleven สาขาแรกของญี่ปุ่น”
เพราะข้างในก็เหมือนกับร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไป
ขนาดไม่ได้ใหญ่นัก
แต่ก็มีห้องน้ำในตัว [Convenience Store ที่ญี่ปุ่นเปิดให้ทุกคนใช้ห้องน้ำได้ฟรี แม้ไม่ซื้อสินค้าใดๆ ก็เข้าได้ เพราะนี่เป็นกฏหมาย ทว่า ถ้าคนไทยเราไปแวะแล้วเกรงใจก็อาจจะซื้อ Coke สักขวดหรือ Asahi สักกระป๋องก็ได้]
และตอนนี้ที่ 7 Eleven หลายๆ สาขา, รวมทั้ง “1St Store Toyosu” ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าจอดด้านหน้า…
เอาไว้ส่งสินค้าถึงบ้าน, เพิ่มความ “สะดวกซื้อ” เข้าไปอีก !
แต่อย่าเพิ่งประนามชาวญี่ปุ่นว่า “มีร้านสะดวกซื้อเยอะขนาดนี้ อากาศก็เย็นสบายดี ยังขี้เกียจอีกเหรอ ?”
หลายคนอาจเดาได้, เหตุผลที่ 7 Eleven เริ่มคิดบริการ “รถส่งของ” ถึงบ้านก็เพราะว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นเข้าสู่สภาพ “สังคมผู้สูงอายุ” เต็มรูปแบบยิ่งกว่าประเทศใดในโลก เนื่องจากการสาธารณสุขที่ดี ทำให้คนชราที่นี่อายุยืน
สวนทางกับคนหนุ่มสาวที่แต่งงานช้าลง, เลือกจะมีบุตรน้อยหรือไม่มีเลย
ทำให้ญี่ปุ่นขาดแคลนประชากรวัยแรงงานอย่างหนัก
7 Eleven จึงคิด Model ใหม่ที่ง่ายต่อการ “สะดวกซื้อ” เข้าไปอีกและต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ผลก็คือ “รถยนต์ส่งของพลังไฟฟ้า” สีเขียวที่จอดหน้าร้าน 7 Eleven สาขาแรก [และอีกหลายๆ สาขา] นี่เอง
แม้จะเป็น No.1 ในตลาด Convenience Store แต่ก็ยังไม่หยุดพัฒนานะครับ :)
นอกจากนี้, 7 Eleven สาขาแรกก็ยังมีตู้ ATM [ในร้านสะดวกซื้อทั่วญี่ปุ่น มีเพียงตู้ ATM ของ 7 Eleven เท่านั้นที่สามารถกดเงินต่างประเทศได้ ในขณะที่ Family Mart & Lawson ไม่รองรับการใช้งาน ATM ข้ามชาติ]
ได้ยินว่า 7 Eleven Thailand ก็กำลังวางแผนจะเปิดธนาคารของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
เพราะ 7 Eleven เข้าถึงประชากรทุกเพศทุกวัยทุกพื้นที่ยิ่งกว่า Bank เองเสียอีก
[แค่คิดภาพว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามา, 7 Eleven รื้อตู้ ATM ทุกธนาคารออกไปแล้วใส่ตู้ของตัวเองก็น่ากลัวแล้ว…]
ในส่วนของเหล้าเบียร์, แน่นอนว่าญี่ปุ่นขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประเทศนี้มีจำนวนคนดื่ม Alcohol สูงสุดใน Asia, แต่ก็มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับน้อยสุดเป็นอันดับ 2
ซึ่งก็แปลว่าการขายเหล้าได้ตลอดวันตลอดคืนไม่ได้ทำให้คนตายมากขึ้น
มันเกี่ยวกับกฏหมายและความรับผิดชอบต่อสังคมต่างหาก
ที่ญี่ปุ่น, โทษของการมี Alcohol ในเลือดแล้วขับคือปรับไม่เกิน 500000 Yen / จำคุก 3 ปี
และถ้าใครถูกจับเป่าแล้วพบว่ามีเหล้าในเลือดถึงระดับ “เมาแล้วขับ” ละก็, มีโทษจำคุก 5 ปี / ปรับ 1 ล้านเยน
หากใครปฏิเสธการเป่าของตำรวจ, ถือว่ามีโทษเทียบเท่า “มีระดับ Alcohol ในเลือดสูงเกินไป” ทันที
นอกจากนี้ คนที่ก่อคดีฆาตกรรมด้วยการเมาแล้วขับจะถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลา 10 ปี, ยิ่งกว่านั้น ที่ญี่ปุ่นยังมีกฏหมายปรับผู้ที่จัดหารถให้คนเมาแล้วขับ / ผู้ที่ชักชวนให้ดื่มและผู้ที่นั่งรถคนเมาไปด้วยกัน
โดยคนจัดหารถให้, มีโทษสูงสุดเทียบเท่ากับคนเมาแล้วขับคือปรับ 1 ล้านเยน / จำคุก 5 ปี
ส่วนคนที่ชวนให้ดื่มและผู้ที่นั่งในรถของคนเมาแล้วขับ จะโดนปรับ 5 แสนเยน / จำคุก 3 ปี
เพราะรู้ทั้งรู้ว่าคนๆ นี้เมาแล้ว แต่ไม่ยอมห้ามปราม จึงถือว่ามีความผิดร่วมกัน
นี่คือความผิดตามกฏหมายอาญา
แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตยังสามารถฟ้องร้องในคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายได้
ในปี 2006 เคยมีกรณีที่ “ผู้นั่งรถไปกับคนเมา” ถูกศาลตัดสินให้ชดใช้ความผิดเป็นเงินจำนวน 58 ล้านเยนด้วย
ส่วนสินค้าใน 7 Eleven ที่ญี่ปุ่นก็ค่อนข้างจะคล้ายบ้านเรา [หรือต้องบอกว่าไทยคล้ายเขา :)]
คือ 7 Eleven มี Power ในการต่อรองมากที่สุด, จึงมี Product แปลกๆ ใหม่ๆ ลงร้านก่อนใคร
อย่างช่วงนี้ที่กำลังนิยมมากในญี่ปุ่นก็คือ “Coke Life” สีเขียวที่ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล และชเวปส์ [Schweppes] รส Citrus C+ กับ Asahi Sakura Limited Edition แต่พักหลัง บางทีผมก็เริ่มไม่ค่อยเข้า 7 Eleven Japan…
และอย่างคุณน้องสาวผมก็บ่นๆ เหมือนกัน ว่า Product ใน 7 Eleven เริ่มมีให้เลือกน้อยลง
เพราะ “7 Eleven ผลิตสินค้าของตัวเองออกมาแข่ง”
ด้วยหน้าตาที่แทบจะเหมือนกับ Product เดิมที่ขายในร้านมานาน
ทว่า 7 Eleven ทำได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า, อย่างเช่นน้ำผัก Kale ในภาพด้านบน
[นี่ผมก็ได้ยินว่า 7 Eleven Thailand กำลังเร่งดำเนินแผนการตลาดแบบนี้อีกเช่นกัน]
ไม่มีอะไรที่ 7 Eleven ไม่มีหรือทำไม่ได้, [อย่างสาขา Asakusa ก็รับทำ Tax Refund ให้นักท่องเที่ยวฟรี !]
ล่าสุดของล่าสุดอีกที, 7 Eleven Japan ก็เพิ่งจะตั้งตู้กด Slurpee และเพิ่มเครื่องชงกาแฟเต็มรูปแบบพร้อม Promotion คู่กับขนมหรือ Donuts ในชื่อ “The Seven Cafe” ซึ่งตอนนี้มีกระจายไปเกือบทุกสาขาในญี่ปุ่นแล้ว
นี่ละครับคือ “7 Eleven สาขาแรกของญี่ปุ่น” ซึ่งคนไทยหลายๆ คนก็ต้องเคยเดินผ่านแน่ๆ [แถม “7 Eleven in New York” ให้อีก Blog] และแม้ 7 Eleven ที่นี่จะเป็น No.1 อยู่แล้ว แต่ก็ยังคงพัฒนาเพิ่มความสะดวกเข้าไปไม่หยุดยั้ง
ถ้ามีคนสนใจ, เดี๋ยว Blog หน้าผมจะเขียน “ญี่ปุ่น 1 วัน ค่าอาหารแค่ 1000 Yen” ต่อครับผม :)