Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ทุกคนในไทยต้องการ “รถไฟความเร็วสูง”
แต่ Blog นี้อาจทำให้เปลี่ยนมุมมองความคิดไป, เช่นเดียวกับผมก็ได้…
ถือว่าเป็นการ “ซ้อม” ก่อนขึ้นรถไฟสาย Trans Siberian เป็นเวลา 7 วันใน Russia,
เพราะผม “ตั้งใจ” ซื้อตั๋วขึ้น “รถไฟความเร็วต่ำ” จาก Busan มายัง Seoul เป็นระยะทาง 330 Km โดยใช้เวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง [ซึ่งถ้านั่งรถไฟความเร็วสูง KTX จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเศษ] เพราะอยากรู้ว่า “รถไฟเก่าๆ ในเกาหลี” เป็นเช่นไร ?
เริ่มกันตั้งแต่สถานีรถไฟกลาง, Busan Station
ซึ่งก็เขียนถึงไปนิดๆ ใน Blog ที่แล้วเรื่อง “One Day Trip in Busan“, ว่ามันเป็นสถานีหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองใหญ่ๆ โดยเราสามารถไปยัง Busan Station ได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟใต้ดินของ Busan
ตัวสถานี Busan Station จะเป็นท่าปล่อยรถไฟทั้งแบบความเร็วสูง [KTX] และความเร็วต่ำ
โดยขบวนที่วิ่งไปกลับระหว่าง Seoul & Busan ชื่อว่า Mugunghwa
เราสามารถจองตั๋วรถไฟทาง Online, ตัดบัตร Credit Card ได้ทั้ง KTX และ Mugunghwa
ในราคา 53900 – 58600 วอน [1600 – 1800 บาท] สำหรับ KTX
และ 850 บาท [28000 Krw] หากเลือกนั่ง Mugunghwa
ซึ่งผมคิดว่า “ราคาถูกมาก” หากเทียบกับค่าครองชีพ / รายได้ของคนเกาหลี
ในภาพนี้คือตั๋วรถไฟ Mugungwha ของผม, ออกตอน 6.25 PM
หรือถ้าใครพักอยู่ใกล้สถานี Busan Station, ก็เดินไปซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนก็ได้
ทั้งจากตู้กดอัตโนมัติ [บางตู้รับเฉพาะบัตร Credit Card ของ Bank ในเกาหลี, ต้องดูดีๆ]
และทั้งจากตัวพนักงานซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับสื่อสารไหว
แต่ที่ผมชอบมากในสถานี Busan Station ก็คือมีร้านอาหาร & ร้านกาแฟเยอะ
และโดยรวมก็สะอาด, บรรยากาศคล้ายกับสนามบิน [เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตจากการ Backpack มากว่า 30 ประเทศว่าชาติที่พัฒนาแล้วมักจะ “ใส่ใจ” กับสถานีรถไฟ เพราะมันคือ “ระบบขนส่งของมวลชน” จริงๆ ด้วยราคาที่ไม่แพงสำหรับทุกคน]
ชั้นสามมี Food Court ใหญ่, อาหารในนี้ราคาเหมือนร้านข้างนอกทั่วไป
ผมทานข้าวยำเกาหลี [Bibimbap] หนึ่งหม้อก็ 6000 Krw [180 บาท]
แต่พอดีผมซื้อตั๋ว Mugungwha ตอนเย็น, ก็เลยนั่งร้านกาแฟ The Angel in Us เขียน Blog ก่อน
สังเกตว่าในสถานีมีป้ายบอกเวลาตารางรถไฟเข้าออกค่อนข้างเยอะ
คืออีกจุดที่ผมรู้สึกว่า “นี่คือสถานีรถไฟในประเทศโลกที่ 1” เพราะอย่างที่ Zurich & Munich ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน, มันคือการ “สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการขนส่งมวลชน” เพื่อลดการใช้รถส่วนตัวและแก้ปัญหา Traffic Jam อย่างยั่งยืน
ไม่ใช่ว่า “รถไฟมีไว้ให้พวกคนจนๆ มันนั่งกัน”
ก่อนขึ้นรถไฟตอนหัวค่ำ, ผมก็ทานบะหมี่เย็นเกาหลีอีกชามในราคา 6000 Krw เหมือนเดิม
สำหรับช่องตรวจตั๋วนั้น…
มีเท่านี้…
“เรารู้ว่าคุณไม่โกง”
เหมือนตอนผม Backpack ไป Manchester, ที่นั่นก็ใช้ระบบ “ความเชื่อใจ” เช่นกัน [แต่ถ้าถูกสุ่มตรวจบนรถไฟแล้วพบว่าไม่มีตั๋วจะถูกปรับหนักมากนะครับเพราะว่าคุณเลือกที่จะ “ทำลายความเชื่อใจ” และ “การให้เกียรติ” ของคนอื่น]
เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่น, รถไฟเกาหลีเข้าชานชลาตรงเวลา…
มีนายตรวจตั๋วเดิน Check ความเรียบร้อยและความปลอดภัย
พอถึง 6.25 PM, รถไฟ Mugungwha ก็เคลื่อนตัวออกจากท่าทันที…
เพื่อไม่ให้ Blog ยาวเกินไป, ขอต่อภาค 2 เรื่องบนรถไฟไว้ที่ “เมื่อผมขึ้นรถไฟความเร็วต่ำในเกาหลีภาค 2“
แต่บางทีผมก็สงสัย, ว่าทำไมขนาดแค่ Backpacker หนึ่งคนยังสามารถ “เห็น” สิ่งที่ควรนำมาปรับปรุงพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเพื่อคนในบ้านเราได้มากมาย ทว่า เวลาที่นักการเมืองหรือข้าราชการผลาญงบบินไป “ดูงาน” เมืองนอกกันนั้น…
ทำไมสุดท้ายไม่มีอะไรดีขึ้นในประเทศเรา, แล้วพวกเขาบินไปทำไม ?