Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“iPhone 6S Blogger Review : รีวิวไทยที่แรกจาก Tokyo !” ยังคงมี Update อยู่เรื่อยๆ และผมก็ยังพักอยู่ที่ Capsule Hotel ชื่อ “Oak Hostel Cabin” ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ครึ่งปี, ที่สำคัญคือมันอยู่ใกล้ Apple Store Ginza ในระยะ 2 Km !
ปรกติเวลามา Backpack, ผมมักจะนอนใน Hostel เพราะมันได้พบเจอคนหลากหลาย
แต่มาญี่ปุ่นรอบนี้, ตั้งใจจะหิ้ว iPhone 6S Pink Rose Gold กลับไทยสองเครื่อง…
ผมเลยย้ายมานอนใน Capsule Hotel ที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวกว่า, และก็ลอง Search หาที่ที่มันใกล้ Ginza
มาเจอ “Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン]”, ติดริมแม่น้ำและใกล้สถานีรถไฟในราคาคืนละ 2500 Yen !
หรือก็คือคืนละ 700 บาท, ขึ้นกับค่าเงิน JPY / THB และ USD ในวันนั้นๆ
ซึ่งเป็นราคาที่ Make Sense สุดๆ !
ผมลอง Check ดูจาก Google Maps, ก็พบว่า “Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン]” อยู่ห่างจาก Apple Store & Starbucks Ginza [Landmarks ของคุณ Cookie สำหรับเขต Ginza :)] ในระยะเดินราว 2 KM จริงๆ
นอกจากนี้, Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] ก็ยังใกล้สถานี Kayabacho เพียง 0.7 Km
[หากเดินต่อไปอีก 0.7 KM ก็จะถึง Nihombashi Station, และอีก 0.7 KM ก็คือ Tokyo Station ดังภาพด้านล่าง]
แต่ตัวสถานี Kayabacho นั้นอาจไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยเพราะมันไม่ใช่สถานีใหญ่
ทว่า รอบๆ สถานีก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร / ร้านกาแฟ / Convenience Store
เพราะ Kayabacho Station เป็นสถานีที่มี Offices ต่างชาติค่อนข้างเยอะ, ห่างจาก Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] ไป 0.3 Km ก็จะเป็นตึก IBM ที่มีทั้ง Family Mart และร้านกาแฟ Tully’s Coffee ดังรูปต้นไม้ใหญ่
[ซึ่งผมยึดร้านกาแฟนี้เป็นที่เขียน Blog, มีปลั๊กไฟและ Free WiFi ครบ]
ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง, Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] จึงได้คะแนน Review สูงมาก !
ผมเองทีแรกตั้งใจจะพักที่นี่ 1 – 2 วัน
หลังจากนั้นก็จะย้ายกลับไปแถว Asakusa [ชอบ Zone นี้เป็นการส่วนตัว]
แต่ไปๆ มาๆ, กลับอยู่ที่ Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] ยาว…
เพราะตื่นเช้ามาก็มี Royal Milk Tea ของโปรดให้ดื่มที่ Tully’s Coffee, เดินไม่กี่นาทีก็ถึง Tokyo Station
ทางขึ้น Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] อยู่ชั้น 2
และก็เพราะตัว Capsule Hotel เพิ่งจะสร้างได้ครึ่งปี, ทุกสิ่งด้านในจึงใหม่มาก
ตั้งแต่ตู้ Lockers สำหรับเก็บรองเท้า [ส่วนตัวผมชอบ Hostel / โรงแรมที่ให้ทุกคนเดินเท้าเปล่าหรือสวมแค่ถุงเท้าเพราะมันทำให้พื้นตึกโดยรวมสะอาด] ไปจนถึงโต๊ะของ Reception และ Lift ขึ้นด้านบน
ถัดเข้าไปอีกหน่อยก็เป็นห้อง Common Room แบบ Hostel, ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรม Capsule จะไม่มีพื้นทีตรงนี้
[ผมเดาว่าที่ Oak Hostel Cabin มีก็เพราะ Brand นี้เคยทำ Hostel มาก่อน]
และใน Common Room ก็มีทั้งห้องครัว / โต๊ะทำงาน / หนังสือ Guidebook ฟรี / ตู้กดน้ำ & เบียร์ Asahi
ทำให้บรรยากาศโดยรวมของ Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] เป็นกึ่ง Hostel กึ่งโรงแรม Capsule
ใน Lift จะเห็นว่ามีแยกชั้นเป็นผู้ชาย / ผู้หญิงและห้องรวม, ซึ่งทั้งหมดก็ราคาเท่ากันที่ 2500 Yen
โดยการเข้าแต่ละชั้นจะต้องกด Password ที่หน้าประตูและกุญแจของแต่ละตู้นอนก็ออกแบบมาอย่างสวย, ในแต่ละเตียงก็ยังมีปลั๊กไฟให้สองอัน / หลอดไฟหนึ่งดวง / ผ้าม่านกั้นหนึ่งผืนแถมยังเขียนรหัส WiFi เอาไว้ข้างที่นอนด้วย !
สมกับเป็นโรงแรม Capsule ที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่ถึงครึ่งปีจริงๆ
สำหรับห้องน้ำก็มีให้ทุกชั้น
โดยจะอยู่ด้านในสุด, ซึ่งก็มีคุณแม่บ้านคอยทำความสะอาดเป็นระยะ
ตรงนี้ก็ต้องขึ้นกับจำนวนลูกค้าที่มาพักและพฤติกรรมของแต่ละชาติด้วยครับ…
[แต่ผมอยู่มา 2 – 3 วันก็ไม่เจอตอนไหนสกปรกเลย, ยังแปลกใจว่าคุณแม่บ้านเขาทำได้อย่างไร ?]
ภาพด้านบนนี้คือวิวจากกระจกห้องนอน…
มองออกไปคือแม่น้ำซึมิดะ [Sumida] ซึ่งไหลจากอ่าว Tokyo Bay ทางใต้ขึ้นไปสู่ Asakusa ด้านทิศเหนือ, ทำให้ Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] น่าจะเป็น Capsule Hotel ราคา 2500 Yen ที่มีวิวสวยที่สุดในญี่ปุ่น !
ว่างๆ ผมก็ออกมานั่งจิบเบียร์เขียน Blog มองแม่น้ำสายนี้ย้อนขึ้นไป…
ชีวิตช่าง Slow Life และง่ายดาย
[ยากแค่ตอนไปแย่งชิง iPhone 6S หน้า Apple Store Ginza]
ส่วนห้องน้ำใหญ่และ Shower Room รวมทั้งเครื่องซักผ้าจะอยู่รวมกันที่ชั้น 5
ถ้าใครขยันก็เดินบันได, ถ้าใครแบกของเยอะหน่อยก็ขึ้น Lift ได้ตลอด 24 Hr
และวิวเมื่อมองผ่านกระจกชั้น 5…
จำนวนห้องอาบน้ำ [เป็นแบบฝักบัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น, ไม่ได้เป็น “บ่อน้ำร้อน” ตามป้ายผ้าสีแดงสีน้ำเงินที่เอาประดับบรรยากาศแต่อย่างใด :)] ก็รวมแล้วนับสิบห้องซึ่งก็น่าจะพอและทางโรงแรมก็ยังแยกอ่างสำหรับล้างหน้าแปรงฟันออกมาอีกฝั่ง
ทำให้ไม่ต้องแย่งกันใช้รวมในห้องอาบน้ำ [Shower Room]
ตลอดช่วงที่ผมเข้าพัก 3 – 4 วัน, ยังไม่เจอคนต่อคิวทั้ง Toilet & Shower Room เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทว่า ข้อเสียหนึ่งของ Oak Hostel Cabin ก็คือพอตกกลางคืนจะเงียบไปนิดเพราะมันคือ Office Area
เมือเทียบกับพวกย่านท่องเที่ยวอย่าง Asakusa / Shinjuku หรือ Ueno ที่มักจะครึกครื้นไปจนถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง
แต่ก็เป็นความเงียบแบบปลอดภัยตาม Style ญี่ปุ่นและ 0.2 KM ก็มี 7 Eleven ที่เปิด 24 Hr แล้วครับ
แน่นอนว่าภาพทั้งหมดใน Oak Hostel Cabin [オークホステルキャビン] Review ก็ยังคงถ่ายด้วยกล้อง iPhone 6S ที่หิ้วจาก Apple Store Ginza, ถ้าใครยังไม่ได้อ่านประสบการณ์ใช้งานฉบับเต็มก็เชิญได้ที่ “iPhone 6S Review !“
แต่ถ้าใครอยากได้ที่พักราคาถูกสุดยอดใน Tokyo, ผมก็แนะนำอีกที่คือ 1980 Yen [1980円ホテル] ครับ :)