Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Uber Thailand เปิดมาสามปี, ผมนั่งมาจนถึงวันนี้ก็พันกว่าครั้ง [และสมัครขับไปทีเพราะเขามีให้ Bonus 2000 บาท !]
ระหว่างเดินทางบน Uber ครั้งที่ 1168, ก็เจอกับคนขับที่ “กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น“
พอเขารู้ว่าผม “บินบ่อยมาก” จน “ได้แฟนเป็นสาวญี่ปุ่น” และ “ชอบแบกเป้ Backpack“, เราก็คุยกันเรื่อง Tokyo / Osaka / Kyoto / Sappora / Nara จนกระทั่งมาจบที่ “แล้วคุณ Kuki เคยนั่ง Uber ที่ญี่ปุ่นบ้างรึเปล่าครับ ?”
คำตอบคือ “Yes” แต่ผมก็เล่าต่อว่า “Uber ที่ญี่ปุ่นถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ”
ทั้งที่ตอนแรก Uber Global มั่นใจว่าญี่ปุ่นจะกลายเป็นหนึ่งใน “ฐานบัญชาการใหญ่แห่ง Asia” ด้วยซ้ำ
เพราะคนญี่ปุ่นรู้สึกไม่ปลอดภัยใน Uber
นี่คือเรื่องจริง
และเป็นสิ่งที่ “ตรงกันข้าม” เมื่อเทียบกับเมืองไทย, การเอาชีวิตไปฝากไว้กับ Taxi ต่างหากที่อันตรายสุดๆ [เช่นเดียวกับตอนที่ผมแบกเป้ Backpack ไป Vietnam และ “ถูกโกงตั้งแต่ออกจากสนามบิน” จนสุดท้ายก็ได้ Uber นี่แลฯ ที่ช่วยพาชมเมือง]
เรื่องนี้มีการวิเคราะห์อย่างมากเพราะญี่ปุ่น, โดยเฉพาะ Tokyo เป็นเมืองที่ [น่าจะ] พร้อมสุดๆ สำหรับ Uber
มีทั้งจำนวนคน [ซึ่งก็คือจำนวนลูกค้า] / กำลังซื้อต่อหัวสูง / พร้อมเรื่อง Technology / มีนักท่องเที่ยวเยอะ
แต่ Uber ก็แทบจะไม่รอดใน Tokyo, สุดท้ายลดประเภทบริการเหลือแค่ Uber Black สำหรับเน้นคนต่างชาติ
นั่นก็เพราะ “The safety could be weakened if rideshare services are introduced in Japan !”
Taxi เดิมปลอดภัยกว่า
น่าจะมีไม่กี่ชาติที่คิดแบบนี้หรืออาจมีแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียวจริงๆ ก็เป็นได้
ผมบอกกับคุณคนขับ Uber [ที่กำลังจะแบกเป้ Backpack ไปเที่ยว Tokyo] ว่า “Uber ในไทยก็เหมือน Hero ผู้กอบกู้โลก” แต่ที่ญี่ปุ่นไม่, เพราะ Taxi เดิมที่นั่นก็ “มีทุกสิ่งที่ Uber มีอยู่ก่อนแล้ว” จน “จะมาเสียเวลาศึกษา Uber App ทำไม ?”
Taxi ญี่ปุ่นมี GPS / ของหายได้คืน / มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารเพิ่มความปลอดภัย
จ่ายเงินด้วยบัตร Credit Card ได้ / พร้อมใบเสร็จรับเงิน / คนขับแต่งกายสุภาพ / มีลงทะเบียนรถชัดเจน
ทุกสิ่งที่ Uber บอกว่า “ใหม่” คือสิ่งที่ Taxi ในญี่ปุ่น “มีตั้งนานแล้ว”
ส่วนเมืองไทย, Uber เข้ามาเป็นผู้ช่วยชีวิตก็เพราะ Taxi ไม่มีสิ่งเหล่านี้แม้แต่อย่างเดียว…
Taxi เดิมดีอยู่แล้ว VS Uber ที่เข้ามาอย่างผิดกฏหมาย
“Moreover the companies [Uber & The Sharing Economy] other main tactic, rally users in their support did not work once it became clear both were violating Japanese law” ก็ชัดเจนว่า Uber ทำผิดกฏหมาย
จริงๆ ในไทยก็เช่นกัน, ปัญหาคือ “Uber ที่ผิดกฏหมาย” ดันปลอดภัยกว่า Taxi !
ลูกค้าจึงต้องยอมกระทั่งสนับสนุนกิจการข้ามชาติที่กำลังทำผิดเพราะคุณภาพชีวิตดันดีกว่า…
ซึ่งผู้บริโภคในญี่ปุ่นบอกว่า “ไม่จำเป็น”
ก็จริงว่าส่วนหนึ่งอาจเพราะคนชาตินี้ “ตรง [หรือทื่อ]” มากจนไม่อยากละเมิดกฏหมาย
แต่อีกเหตุผลก็คือ “แล้วจะทำผิดกฏหมายไปทำไม” ในเมื่อ Taxi เดิมมันก็ดีอยู่แล้ว
และมีอีกหลายสิ่งที่ Taxi เหนือกว่า Uber มาก
ผมบอกคุณคนขับท่านนี้ว่า “ถ้า Taxi เดิมมันดี, ใครจะอยากไปเรียก Uber ที่…
1. ต้องเสียเวลารอรถวนมารับ [ในขณะที่ Taxi สามารถ “โบก” จากข้างทางได้ทันที]
2. ไม่มีประกันขั้นพื้นฐาน [เพราะคนขับไม่มีใบขับขี่สาธารณะ]
3. ส่วนใหญ่ไม่รู้เส้นทาง [หลายๆ คนขับเป็นแค่งานอดิเรกหรือ Part Time Jobs]
4. ไม่สะดวกเลยสำหรับคนสูงอายุที่ใช้ Smartphone ไม่เป็นและไม่รู้เรื่อง IT
เดิมที Taxi ก็มี “จุดแข็ง” สี่ข้อนี้ที่เหนือกว่า Uber มหาศาล, ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาก็ “มี” ใน Taxi ญี่ปุ่นจนถึงขั้นที่ “ไม่ต้องออกมาเดินขบวนต่อต้าน” หรือ “ทำร้ายผู้โดยสารที่ลงจากรถ” ก็สามารถ “ฆ่า Uber ตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้เกิด” เลยด้วยซ้ำ
และยิ่ง Taxi พยายามประท้วงด้วยการรุมทำร้ายคนขับหรือผู้โดยสาร Uber มากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นการ “ประจาน” ตัวเองชัดๆ ว่า “ใช้แต่กำลังแก้ปัญหา”, ซึ่งก็แปลว่าถ้าใคร “พลาด” ขึ้น Taxi เหล่านี้แล้วคุยไม่ถูกใจก็มีสิทธิถูกกระทืบตายคารถได้
ในวันที่ “สิ่งผิดกฏหมาย” กลับปลอดภัยกว่า, คงต้องถามว่าแล้วเรามีกฏหมายไปเพื่อใครกัน