Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Blog นี้ก็เขียนที่ Starbucks, ปั่นจักรยานมาเช่นเคย
[เป็นรถคันเดียวที่ได้อภิสิทธิ์ Super Duper Ultimate Deluxe Special Reserved Parking Z, ในขณะที่ Porsche ทะเบียน 9999 ยังได้จอดแค่หน้า Community Mall แต่จักรยานผมจอดมันหน้าประตู Starbucks เลย (#´ー´)旦]
นี่ก็ 4 เดือนผ่านมา, กับการเอาคุณ Weisswurst มาใช้แทนรถที่ชื่อคุณ Schnitzel
นอกจากค่าน้ำมันที่ลดเหลือ “ศูนย์บาท”, น้ำหนักผมยังลดลงมาอีก 3.9 Kg !
โดยที่ไม่ได้รู้สึก “เหนื่อย” หรือ “ลำบาก”, และนั่นคือประเด็น
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
1. เปลี่ยนการเดินทางในระยะไปกลับไม่เกิน 10 Km, จากขับรถเป็นปั่นจักรยาน
2. ก็ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ซอยบ้านมี Starbucks, วันที่ไม่ได้เข้า Office ก็มานั่งทำงานที่นี่
3. จริงๆ ตัวร้านมันห่างจากบ้านราว 0.75 Km แต่ถ้าขับรถจะต้อง “อ้อมสองหน” กลายเป็นสองกิโลฯ กว่าๆ และนั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่เปลี่ยนมาเป็นจักรยาน, เพราะระยะทางประมาณนี้มัน “ร้อนเกิน” จะเดินตอนบ่ายๆ แต่ถ้าใช้รถใหญ่ก็ลำบากต้องวนไปมา
4. แถมขับรถใหญ่มาก็ต้องหาที่จอด, เวลาเอารถออกพร้อมๆ กันก็ติดอีก !
5. มากับคุณ Weisswurst จบได้ทุกปัญหา, มีเป้ Backpack อีกใบใส่ Macbook อีกตัว
6. แต่ทั้งหมดนี้ต้องยอมรับอย่าง, ว่าผมโชคดีที่มี Starbucks [ในฐานะ “ที่ทำงาน”] ใกล้ๆ บ้าน
7. เส้นทางปั่นก็ดี, คงเพราะมีโรงเรียนนานาชาติใหญ่แล้วก็ต่อด้วย Community Mall
8. และงานหลัก [รวมทั้งงานอดิเรกที่ได้เงินอย่าง “เขียน Blog / เล่นอสังหาฯ / เปิดสัมมนา”] ก็ทำที่ไหนก็ได้
9. มีเข้า Office และประชุมงานไม่กี่วันต่อสัปดาห์, ออกสายๆ กลับค่ำๆ เพื่อเลี่ยง Rush Hours ได้อีกต่างหาก
10. และบ้านผมก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้า, ในยุคที่ GrabCar & LineMan แจกรหัสส่วนลด 50 บาทแทบทุกวัน [เรียกพี่ Taxi ไปปากซอยจ่ายเพิ่มไม่เกิน 5 บาทจนรู้สึก “เกรงใจ๊เกรงใจ” ต้องจ่ายไม่เหรียญสิบก็แบงค์ 20 บาทไม่เอาเงินทอนทุกที…]
11. ผมคือตัวอย่างของคนที่ “ใช้ Public Transportion คู่กับจักรยานง่ายกว่าขับรถ” จริงๆ
12. เช่นเดียวกับคุณน้องสาวผมที่ทำงานอยู่ Tokyo, ก็ไม่มีรถส่วนตัวเหมือนกัน
13. ถ้า “ระบบ” มันอำนวยความสะดวกให้เรามากพอและมีความปลอดภัย…
14. ไม่ใช่ตลอดเส้นทางต้องหลบรถชั่วๆ ไม่ติดป้ายทะเบียน, ถนนก็พังๆ และมีแต่โจรจ้องจะขโมยจักรยาน
15. ในไทยผมไม่ [กล้า] ปั่นออกถนนใหญ่เพราะ “กลัวตาย” แต่ส่วนตัวเคยปั่นจักรยานมาแล้วที่ญี่ปุ่น / Taiwan / เกาหลี / Norway / Sweden / Germany / Switzerland / Austria / UK และ USA, ทั้งหมดนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง…
16. รัฐฯ ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่า “ใช้จักรยานและ Public Transportion แล้วชีวิตดี๊ดี”
17. แต่เมืองไทยเราตรงข้ามทุกอย่าง
18. ไม่ใช่แค่เรื่องจักรยานหรือ Public Transportation, แต่เราไม่สนับสนุนกระทั่ง “การเป็นคนดี”
19. รถที่ต่อแถวตามกฏคือรถที่ต้องถูก “โกง” ด้วยการแซงคิวไปเรื่อยๆ
20. ประเทศที่คนทำดีมีชีวิตอย่างยากลำบาก, อยู่อย่างหวาดกลัวว่าจะโดนเอาเปรียบในทุกๆ ด้าน
21. ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้จากเราไปแล้ว
22. แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านเคยกล่าวและผมชอบจนเอามาเขียนถึงบ่อยๆ ก็คือ “การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี, แต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
23. ความจริงไม่ใช่แค่ “การปกครองบ้านเมือง”
24. แต่เป็น “การมีชีวิตอยู่ในทุกๆ วัน”, มันคือ “Logic” ที่ง่ายและชัดเจนมาก
25. ปัญหาคือ “คนไทยรักในหลวงแต่ปาก”
26. เคยมีคนต่างชาติพูดกับผมว่า “ถ้าคนไทยรักในหลวงท่าน, ทำไมประเทศมันมาได้แค่นี้”
27. ผมก็ไม่มีความเห็นใดๆ, ได้แต่ปั่นจักรยานไปนั่งทำงานเงียบๆ ใน Starbucks เหมือนทุกๆ วัน