Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
SCB ส่ง SMS มายืนยันการอนุมัติบัตร M Luxe เมื่อวาน, เป็นครั้งแรกที่เห็นระยะเวลาจัดส่ง “นาน” ขนาดนี้
จริงๆ ผมก็ไม่ได้รีบอะไรและไม่ได้ Serious ว่าจะต้องได้บัตรภายในกี่วันแต่ที่สะกิดใจก็คือเหตุผลที่ทาง SCB ให้มา, ว่า “คนสมัครบัตรใบนี้มากเกินกว่าที่ทางธนาคารคาดไว้” ทั้งที่ SCB M Luxe [Visa Signature] ใช้ฐานเงินเดือนหนึ่งแสนบาท !
แปลว่าเมืองไทยเรามีคนที่เงินเดือนเกินล้านต่อปีไม่น้อย, นี่ยังไม่นับ Freelance & เจ้าของธุรกิจ [และพวกที่ไม่จ่ายภาษี…]
เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมกลับมาคิดว่า “แล้วเงินในระบบมันอยู่ไหน ?”, ในวันที่ทุกคนบ่นว่า “เศรษฐกิจไม่ดี”
ก่อนอื่น, ช่วงนี้ผมมี “งานอดิเรกใหม่” อย่างหนึ่งคือ “เปิดสัมมนา Online” ว่าด้วย “How to be Blogger“
ขายคนมีตังค์ [และก็มีคนสมัครมาฟังเรื่อยๆ]
แม้จะเป็น “งานอดิเรก” แต่ผมก็มีซื้อ Facebook Ad นิดหน่อย [ได้ความรู้เรื่อง FB Ad เพิ่มอีก]
ก่อนหน้านี้ก็ลองยิง Ad โดยกำหนด “ความสนใจ [Interests]” ของกลุ่มเป้าหมาย, แต่พบว่าไม่ได้ผลเท่าไรเลยเลิกไป
และส่วนตัวผมก็มีความเชื่อที่ต่างจากคนส่วนใหญ่อย่างหนึ่งคือ “ขายคนมีตังค์ที่ยังไม่สนใจง่ายกว่าขายคนที่สนใจแต่ไม่มีตังค์” หรือแปลง่ายๆ ก็คือ “ขอให้เข้าถึงคนที่มีเงินให้ได้ก่อน“, ส่วน “ความสนใจ” เอาไว้ “สร้าง” ขึ้นทีหลังเมื่อไรก็ได้
ดีกว่ายิง Ad ไปหา “คนที่สนใจมากๆ” แต่ตังค์ไม่มี
จากเดิมที่ผมกำหนดกลุ่มเป้าหมาย [Audience] ว่าต้อง “สนใจ Online Marketing / Blogging / FB Influencer / etc”, ปัจจุบัน “รื้อทิ้ง” หมดแล้วและตั้งอย่างเดียวเลยว่า “ต้องเป็นคนที่ใช้ iPhone X [Facebook Access = iPhone X]”
ผลตอบรับดีมาก…
อาจไม่ใช่ทั้งหมดแต่ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ iPhone X [วันนี้อาจต้องเปลี่ยนเป็น iPhone XS & iPhone XS Max] อย่างเลวร้ายก็ต้องพอมีตังค์และจากประสบการณ์, ผมพบว่าคนรอบข้างที่ใช้สินค้า Apple มักจะมี “Mindset” ที่ดีต่อ “การลงทุน”
จริงๆ จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้เกิดจากการที่ผมเลือกยิง FB Ad โดยเน้นที่ “ความสนใจ [Interest]”
ก่อนจะพบว่าปลายทางของโฆษณามันถูกส่งไปยัง “คนที่สนใจจริงๆ แต่ [อาจ] ไม่มีเงิน”
ผมก็เลยเปลี่ยนวิธีคิด, เพราะกลุ่มเป้าหมายที่ผมอยากได้จริงๆ ก็คือ “กลุ่มคนที่มี Life Style คล้ายๆ ผม” แต่ปัญหาของ Facebook Ad ก็คือมัน “ยาก” ที่จะยิงหา “คนมีตังค์” เพราะ [ในไทย] มันไม่ให้เราเลือกกลุ่มเป้าหมายด้วยการกำหนด “เงินเดือน”
สรุปคือวันๆ ผมใช้สินค้าของ Brands ไหน, ผมก็ใส่ลงไปในกลุ่มเป้าหมายของ Facebook Ad และผลที่ได้ก็…
ความเลวร้ายจากนรก
อย่างตรงไปตรงมา, รถที่ผมใช้คือ BMW [แม้ว่าจะเน้นจอดมากกว่าขับ] และชอบนั่ง Starbucks
ผมก็เลยคิด [ง่ายๆ โง่ๆ] ว่า “ถ้ายิง Ad หาคนที่มี Interest ใน 2 Brands นี้ = ต้องได้คนแบบเดียวกับผมแน่ๆ”
แต่ไม่…
เพราะการเลือกยิงหา “คนที่ชอบ BMW”, ไม่ได้แปลว่าเขา “ใช้ BMW”
แต่เรื่อง iPhone X นี่เป็น “ข้อยกเว้น” เพราะถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามันไม่ใช่ “ความชอบ”, แต่เป็น “การเข้าถึง [Access]” และเราก็ไม่สามารถโกหก Zuckerberg ได้ว่า “ใช้ iPhone XS Max เล่น Facebook อยู่นะ” ถ้าเราไม่ได้ใช้มันจริงๆ
หลังจากกำหนดการยิง FB Ad เป็น “iPhone X Only”, คนที่สนใจใน How to be Blogger ผมน้อยลงมาก
แต่ 90% ของคนที่สนใจ, โอนเงินสมัครเรียนทันที
ใช้งบน้อยลงเท่าตัวเพราะกลุ่มเป้าหมายมันแคบ
ใช้เวลาน้อยลงมหาศาล, แทบไม่มี Comment บ้าๆ บอๆ เพราะ Ad ยิงไปถึงแต่กลุ่มคนที่ดีๆ
และ Facebook Ad อันนี้ก็ถูกส่งไปถึงปลายทางที่ผมต้องการ, คือ “มีตังค์”
แม้จะยังไม่รู้เรื่อง Online Marketing / Blogging / Digital Transformation แต่เพราะเขา “มีตังค์” และ “มี Mindset ที่ดีต่อการลงทุน”, โอกาสที่จะสนใจเข้าฟังสัมมนา How to be Blogger [ที่ใช้ภาษาง่ายๆ ไร้ศัพท์เทคนิค] ก็มีสูง
ย้ำอีกที, ว่าผมเขียน Blog และเปิดสัมมนาที่ว่าฯ เป็น “งานอดิเรก“
แต่ผมก็ชอบตรงที่มันเป็นงานอดิเรกที่ได้ทั้งค่าขนม, ทั้ง Connections ใหม่ๆ และยังได้ความรู้ตลอด
กลับมาเรื่อง SCB M Luxe, ไม่อยากลงเรื่องวิธียิง FB Ad ของผมมาก [เดี๋ยวจะหาว่าออกทะเล]
แต่คำตอบของพนักงาน SCB ให้ “ข้อคิด” ผมหลายอย่างและมันไม่ใช่การ “มโนไปเอง” ว่าคนปัจจุบัน “รวยขึ้นอย่างนั้นหรือจนลงอย่างนี้” แต่เป็น “ข้อมูลเชิงสถิติ” โดยตรงจากธนาคาร… [แม้จะออกมาในรูปแบบ Excuse อย่างไม่เป็นทางการก็ตาม]
สำคัญว่าเราจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ว่านี้ได้ไหม
และถ้าได้, ได้อย่างไร ?
ในยุคที่ Facebook คิดแต่เรื่องเงิน
ระหว่างที่เราด่าพ่อ Zuckerberg ทุกวัน, ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า Facebook ทำให้เรา “เข้าถึง” กลุ่มคนมีตังค์ได้ง่ายขึ้นมาก
และ SCB ก็ช่วย Confirm ให้ผมมั่นใจว่าคนกลุ่มนี้มีเพิ่มขึ้นจริงๆ