Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
จริงๆ เมื่อ Week ก่อน, ผมก็มีเขียน Blog หนึ่งว่าด้วย “เห็นคิวส่งของหน้า Kerry Express อย่างยาว : อย่าคิดว่าเศรษฐกิจดี๊ดี [ที่จริงตรงข้าม !]” และก็มีคน Like & Share ไปร่วมสองพันครั้งแต่ส่วนตัวผมอาจเขียนยาวไปนิด [ผสมการบ่นตาม Style]
แต่วันนี้ไปอ่านกระทู้ใน Pantip ห้องสินธรฯ มา, และมี Comment หนึ่งที่ตรงใจ
เหมือนเขามาโวยวาย, จึงสั้นง่ายได้ใจความ
ในขณะที่ Comment มาตรฐานของ Pantip เวลาใครบ่นเรื่องเศรษฐกิจไม่ดีคือ “ไม่รู้จักปรับตัว” และ “ไม่ขาย Online”
แต่ Comment นี้เขียนถึง “ด้านมืด” ของตลาด Online ตอนนี้เอาไว้ได้อย่างตรงเป๊ะเลยทีเดียว
“มันไม่ได้สนุกหรือสวยงามเหมือนที่คิด”
“ถ้าอยากทำก็ต้องหาสินค้าที่แปลกกว่าชาวบ้านและมีกลุ่มเฉพาะที่ลอกเลียนได้ยากหรือคู่แข่งน้อย”
ในฐานะที่ผมมีลูกค้ากลุ่ม SMEs ในมือหลายราย, อยากบอกว่าแค่สองบรรทัดแรกก็ “ใช่” สุดๆ แล้ว
เพราะการขายสินค้าบน Online ตอนนี้นั้น…
1. ต้องเป็นสินค้าสีเทาหรือสีดำที่มีอัตราส่วนกำไร [ต่อหน่วย] สูงจึงขายได้ดี
2. ถ้าเป็นสินค้าสามัญทั่วๆ ไปก็ตัดราคาตัดกำไรกันจนไม่เหลืออะไรเลย, กำไรบางเฉียบ
3. ผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าใหญ่ที่มีสินค้าค้างใน Stock เยอะและไม่อยากให้เงินจมหรือหมุนช้าก็จะเอาของมา “ขายหลังบ้าน” ผ่าน eCommerce ช่องทางต่างๆ ในราคาเท่าทุนเพื่อระบายของ [รายย่อยในข้อ 2 ก็กระอักเข้าไปอีก]
4. รู้ไหมว่าของที่ขาย Online หนึ่งในสามถูกตีกลับเพราะผู้ซื้อยกเลิก [บางร้านอาจจะ 50% – 70% เลยด้วยซ้ำ] และมันก็คือ “ต้นทุนที่มองไม่เห็น” เช่นค่าขนส่ง / ค่าแรง / ค่ากล่อง / ค่าเสียโอกาส [แทนที่จะได้เอาของชิ้นนั้นๆ ไปขายคนอื่น]
5. สินค้าสีเทาสีดำอย่างพวกอาหารเสริมมีค่า SEO [ย่อมาจาก “Search Engine Optimization”, ซึ่งก็คือค่าโฆษณาที่ทำให้ Web ของเราติดหน้าแรกๆ บน Google] ที่สูงมาก, บางเจ้าอาจต้องจ่ายสองแสนถึงห้าแสนบาทต่อเดือน !
[ข้อ 5 นี่ยืนยันว่า “จริง” เพราะมีลูกค้าผมที่เป็นแบบนี้เช่นกันแต่สำคัญคือเขาขึ้นมาบน Online ก่อนใครเลยทำได้]
ที่น่าสนใจมากอีกอย่างคือการปิดท้ายของเขาที่ว่า “กำลังซื้อหดหายไปอย่างมาก”
และ “ที่เขียนๆ มาก็อยากบอกว่าบน Online เองก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
จากภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้นแต่รายได้น้อยลง, มีคนตกงานเยอะและพืชผลทางการเกษตรที่ขายไม่ออก”
คือเป็น Comment ที่เขียนได้เหมือน “นั่งอยู่ในใจผม”
แค่ไม่ได้พูดถึง “การเข้ามาของจีนแผ่นดินใหญ่” อีกอย่าง, ที่กำลังทำให้ลูกค้า SMEs ในมือผม “ล้มตาย” แบบไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆ เพราะจีนมี “ต้นทุนสินค้าที่ต่ำกว่ามาก” และยังได้รับสิทธิพิเศษหลายๆ อย่างให้เข้ามาขายในไทย
ในชั่วโมงนี้, ที่ไม่ใช่แค่ “แข่งต้นทุนสินค้าไม่ไหว” แต่ราคาค่าลงโฆษณาบน Facebook และ Social Networks อื่นๆ ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว [ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเข้ามาแย่งประมูลพื้นที่ Ad ของจีนแผ่นดินใหญ่นั่นแลฯ เพราะมันทำข้ามประเทศได้]
ทางรอดเดียวจริงๆ คือประโยคที่สองของ Comment ในกระทู้นั้น
“ถ้าอยากทำก็ต้องหาสินค้าที่แปลกกว่าชาวบ้านและมีกลุ่มเฉพาะที่ลอกเลียนได้ยากหรือคู่แข่งน้อย”
แต่มันง่ายที่จะพูด, ในยุคที่ขายอะไรไปก็มีคนขายตาม [และจบด้วยการตัดราคาถล่มทลายภายในสามวัน…]