Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
นานๆ ทีจะเห็นกระทู้ในมุมมองของ “ผู้ประกอบการ“, ไม่ใช่ลูกจ้างเงินเดือนแปดพันบาทเข้ามาสั่งสอนเจ้าของธุรกิจสิบล้านร้อยล้านว่า “ไม่รู้จักปรับตัว“ และสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากใน Post นี้ก็อยู่ตรงที่ “ตันทุนวัตถุดิบที่เรารับมาก็น่าจะแพงขึ้นด้วย”
เพราะโรงงาน [หรือเรือกสวนไร่นา] ที่ส่งวัตถุดิบนั้นมาให้เรา, ก็ต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ต้นทุนของโรงงานที่มีพนักงาน 50 คน, จะต้องเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยเดือนละสองแสน [3887 บาทต่อหัว]
ซึ่งถือว่า “หนักมาก” สำหรับทุกวันนี้ที่เศรษฐกิจก็ไม่ดีและยังโดนตัดราคาจากฝั่งจีนที่ขายได้อิสระเสรีแทบจะไม่ต้องจ่ายภาษี
แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น, คือปัญหาทั้งหมดจะย้ายไปถล่มที่ฝั่ง “พนักงาน” และการ “เลิกจ้าง” ด้วยเหตุผลว่า…
“เราคงต้องพยายามหันไปใช้เครื่องจักร / Internet & Website หรือ Application แทน”
ที่เขียนนี่, ผมพูดในฐานะที่มีลูกค้าเป็นกลุ่ม SMEs [ยอดขายต่อปีสิบล้านถึงร้อยล้าน] เยอะและทุกรายต่างก็บ่นเหมือนๆ กันว่า “จะไม่รอดแล้ว“ จากสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายและการแข่งตัดราคาจากจีนแผ่นดินใหญ่ดังที่เขียนใน Paragraph บน
คือต่อให้ค่าแรงไม่ขึ้น, SMEs ส่วนมากก็เริ่มคิดที่จะ “ลดขนาด” ลงอยู่แล้ว
อย่างบริษัทหนึ่งที่มาเช่าตึกผมทำ Office, พวกที่เชียร์ว่าเศรษฐกิจดีสุดๆ [โดยไม่เคยทำธุรกิจ] จะรีบบอกว่า
“เห็นไหมละ, ธุรกิจไหนๆ ก็ไปได้ดีทั้งนั้นจนต้องเช่าตึกเพิ่ม !”
แต่ความจริงคือเขา “หนีมา” จากหลังเก่าที่แพงกว่า, ลดทั้งคนงานลดทั้งค่าเช่าแบบสุดชีวิตแล้วต่างหาก
และในฐานะ “ที่ปรึกษา“, ผมก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะแนะนำ SMEs แต่ละเจ้าว่า “ลดคนงานแล้วหันมาใช้ช่องทางอื่นดีกว่า”
เพราะเครื่องจักร / Internet & Website สมัยนี้ต้นทุนไม่ได้แพงมากและยังคุ้มกว่าในระยะยาว
เช่นกัน, ที่พูดนี่ไม่ได้ “มโน” ขึ้นมา
แต่เพราะผมมีลูกค้า SMEs ในมือหลายสายและบางรายก็เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์ [ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแค่ “แขนกลยกชิ้นส่วนจากสายพาน” ก็เรียกว่า “Robot” แล้ว, ไม่ได้แปลว่าลูกค้าผมสร้าง Gundam หรือหุ่น Transformer เพื่อปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาว]
ปัจจุบัน, หลายเจ้าเริ่มพัฒนาแขนกลที่ว่าใน Scale เล็กลงเพื่อรับงานผลิตของ SMEs
ส่วนใหญ่จะเป็นในแง่ “หลังบ้าน”, หมายถึงขนของหรือประกอบชิ้นส่วนในโรงงาน
แต่เมืองนอก, Robot เริ่มถูกนำมาใช้ในส่วนของ “หน้าบ้าน” แทนการจ้างพนักงาน [และยังใช้เป็นจุดขายได้ด้วย]
หรือถ้า Robot ยังดูห่างไกลและจินตนาการไม่ออกสำหรับคนนอกสายการผลิต, ผมก็แนะนำพวก Website & App แทน
SCB ประกาศปิด 800 สาขา, เลิกจ้างพนักงาน 12000 คน
เมื่อวาน, ช่องสามก็ Layoff คนอีกมหาศาล
หลายๆ สายธุรกิจก็มีแนวโน้มจะลดคนอยู่แล้ว
จะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายหรือด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกก็ตาม
ถึงแม้ผมจะเห็นด้วยในประเด็นที่ว่า “เราเองก็ต้องรู้จักปรับตัว” หรือ “ขยันพัฒนาฝีมือแรงงานสิ” และ “ทุกวันนี้ค่าแรงสามร้อยบาทมันก็ต่ำจนพวกเขาโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว”, ในประเทศที่ “ขนส่งมวลชนขั้นพื้นฐาน” อย่างรถไฟฟ้าแพงเกินกว่าประชาชนจะขึ้นไหว
[แล้วมันจะเป็น “Public Transportation” ได้อย่างไร, อันนี้ผมก็งงใจ…]
ผมเองก็เกิดมาจน, อย่างที่ทราบกันว่าสมัยประถมผมต้องซ้อนมอ’ไซค์พ่อส่งอะไหล่ตามอู่ทุกวันหลังเลิกเรียน
ปัจจุบันผมอาจจะจนน้อยลงหน่อย, กลายมาเป็นที่ปรึกษาและผู้ประกอบการเองแต่ก็ยัง “เข้าใจ” แรงงานรายวันที่หาเช้ากินค่ำเพื่อส่งลูกเรียนหนังสือโดยที่ไม่รู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้จะยังมีกินไหมและถ้าใครสักคนในบ้านป่วยขึ้นมาก็ทำได้แค่ “แกล้งมองไม่เห็น”
ผมอยากเห็นคนกลุ่มนี้มี “คุณภาพชีวิต” บ้าง, สักนิดก็ยังดีเพื่อลูกๆ ของพวกเขา
แต่ในฐานะที่ปรึกษาและผู้ประกอบการ, หน้าที่ผมคือ “สังหาร” คนกลุ่มนี้ทิ้งไป
แล้วเอาทุกอย่างที่ต้นทุนต่ำกว่ามาแทน, ไม่ว่ามันจะเป็นแขนกลหรือสมองกล…
นี่ยังไม่นับประเด็นที่ “พอขึ้นค่าแรง, ของกินของใช้ทุกอย่างก็จะแพงขึ้นตาม”
ค่าจ้างเพิ่มจากวันละสามร้อยเป็นสี่ร้อย, เพื่อซื้อข้าวแกงข้างถนนที่แพงขึ้นจากสามสิบเป็นสี่สิบ
ทั้งแรงงานทั้งผู้ประกอบการ, คงถึงเวลาตายพร้อมกันเปิดทางให้ทุนใหญ่จากจีนเข้ายึดทั้งแผ่นดิน