Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
วันนี้มีการรวมพลคุณแม่ตั้งครรภ์หน้าธนาคารกรุงศรีฯ, ซึ่งเป็นที่ที่ “เมียนายพลถีบคนท้อง” ทำงานอยู่
ผมเองก็ Share กระทู้ “มนุษย์ป้าภรรยานายพล ถีบคุณแม่ตั้งท้อง 4 เดือน, แค่เปิดประตูโดนรถหรู [มีรูปเหตุการณ์]” ขึ้น Facebook ตั้งแต่วันแรกที่มันถูกตั้งบน Pantip จนกระทั่งวันนี้ที่มีการเรียกคุณบุ๋มปนัดดาฯ มาเป็น “ตัวกลาง” เจรจาเรื่อง…
กระแสส่วนใหญ่ใน Social Network เชื่อว่า “เมียนายพลถีบคนท้อง” เป็นฝ่ายผิด
[ซึ่งแน่นอน, ผมเองก็คิดว่าการทำร้ายคนตั้งครรภ์มันไม่ถูกแน่ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด]
แต่เมื่อวาน, มี “คนใน” เล่าให้ผมฟังอีกมุมว่า “แล้วถ้าเมียนายพลไม่ได้ทำแม้กระทั่งถีบคนท้องจริงๆ ละ ?”
Week ที่แล้ว, มีข่าวหนึ่งน่าสนใจจากจีนแผ่นดินใหญ่เรื่อง “Remember this picture ? It’s given the female model 3 years of hell. Now she’s suing” หรือก็คือ “จำภาพนี้ได้ไหม ? นางแบบในรูปกำลังฟ้องศาลหลังตกนรกนานสามปี”
มันคือมุขตลก [Meme] ที่มีผู้หญิงสวยกับผู้ชายหล่อและเด็กหน้าตาแย่สามคน
[ที่ขีดเส้นใต้คำว่า “แย่” เพื่อให้คนเข้าใจใน Term ที่ต้องส่งฟ้อง, ว่าเกี่ยวข้องกับมุขตลกนี้อย่างไร]
ภาพนี้ถูก Shared อย่างมากมายใน Social Network & Internet
ว่า “นางแบบคนนี้ทำศัลยกรรมมาทั้งตัว”, จนกระทั่งแต่งงานมีลูกจึงเผยให้เห็นความจริง
เพราะเด็กในภาพหน้าตาแย่มาก, ต่างจากคนเป็นแม่โดยสิ้นเชิง
สุดท้าย, พ่อเด็กถึงขั้นตัดสินใจ “หย่า” กับภรรยาวสาวที่ศัลยกรรมมาทั้งตัวคนนี้และอวสาน…
[The fake story of a man who sued his wife because their children were too ugly published by a tabloid broke the internets after international media outlets attached the image to the news]
หนึ่งภาพนิ่งกลายเป็น “ความจริง” บน Internet, แม้แต่ The Huffington Post UK ก็ยังเคยเขียนถึง !
จนกระทั่ง Heidi Yeh, นางแบบชาวไต้หวันและหญิงสาวในภาพออกมาปฏิเสธว่า
ภาพที่เห็นในมุขตลก [Meme] ซึ่งถูก Shared ไปทั่วโลกนั้น, แท้จริงเป็นแค่ Ad โฆษณา
แต่ Ad และ Meme ตัวนี้ได้ทำลายชีวิตของเธอลงโดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครจ้างเพราะต่างคิดว่าเธอผ่านการทำศัลยกรรมมาอย่างหนักและแต่งงานแล้ว !
ผมเองไม่ทราบว่ากรณี “มนุษย์ป้าภรรยานายพล ถีบคุณแม่ตั้งท้อง 4 เดือน” นั้น, สรุปแล้วใครกันแน่ที่ผิด ?
แต่ก็บอกคุณ “คนใน” ที่มาเล่าเรื่องอีกมุมให้ผมฟังกลับไปว่า “ถ้าคุณเมียนายพลถีบคนท้องไม่ได้ลงมือจริงๆ ก็ควรจะจัดการให้จบคดีเพราะไม่อย่างนั้น, ชื่อของนางอริษา [ละนามสกุล] จะอยู่ตลอดไปบน Google ในฐานะเมียนายพลถีบคนท้อง”
[พร้อมกับข่าว Click Bait เช่น “โคตรโหดเหี้ยม / ถีบไม่ยั้งแม้ท้อง 4 เดือน / ขู่ไม่กลัว / ผัวกูยศใหญ่ / Etc”]
วันหนึ่งข้างหน้า, เรื่องของ “นางอริษา [ละนามสกุล]” ก็จะถูก “ขุด” ขึ้นมาซ้ำไปมา
ไม่มีวันที่ชีวิตจะหาความสงบบน Internet ได้อีกเลย…
และเช่นกัน, ทาง Bank กรุงศรีฯ ก็จะมีมีดปักหลังเรื่องนี้ไปตลอดกาล
สามารถถูกยกขึ้นมาโจมตีในสักวันที่เกิดอยากทำ Campaign เรื่องแม่และเด็ก
ซึ่งพอถึงวันนั้น, มันสายเกินไปที่จะหาหลักฐานมาอ้างว่า “เมียนายพลถีบคนท้องจริงรึเปล่า ?”
ผมเองผ่าน Cases แบบนี้มามาก, อย่าง Drama ขโมยรูปเมื่อปีก่อนที่มี “นักสืบพันทิป” จับผิดว่า
“นายขนมอบไปขโมยรูปจากเจ้าของแล้วมาเขียนเล่าเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเรื่องของตัวเอง ก็เลยอยากเอามาให้ดูกันหน่อยถึงสีข้างของนายขนมอบหลงป่า น่าเกลียดจริงๆ”, [ผมกับเจ้าของรูปไปญี่ปุ่นด้วยกันและผมมีกระทั่ง File ต้นฉบับขนาดใหญ่]
ทีแรกผมไม่ได้จะฟ้องร้องหรือแจ้งความอะไร
แต่มีผู้ใหญ่ [มาก] ท่านหนึ่งในวงการ Advertising & Online Marketing ติงมา
“ถ้าคุณ Cookie ไม่จัดการเรื่องนี้, มันจะกลายเป็นความจริงบน Internet ว่าคุณขโมยรูปมา”
ผมเข้าใจความหมายในวินาทีนั้นเลย…
เอาแค่กระทู้ Drama ของเหล่า “นักสืบพันทิป” ก็ถูก Shared หลายพัน, Comments อีกหลายร้อย
ยังไม่นับว่ามันถูก “บันทึก” ลง Google ตลอดไป, ในฐานะ “ความจริง”
[สังเกตว่ากระทั่งผมชนะคดีแล้วแต่กระทู้ต้นฉบับของ “นักสืบพันทิป” ก็ยังอยู่บนสุดของ Google]
นี่คือสิ่งที่ศาลสูงแห่ง Germany ตัดสินให้ประชาชนของตนต้อง “มีสิทธิที่จะถูกลืม [The Right to Be Forgotten]” หรือก็คือตัว User สามารถสั่งให้ Google Inc ลบข้อมูลบางอย่างที่ถูกพิสูจน์แล้วว่า “ไม่จริง” ทิ้งได้
เพื่อไม่ให้เกิดกรณีที่คนยุคถัดไป “เข้าใจผิด” หรือ “ตัดสินคน” จากข้อมูลบน Google หน้าแรก
ก็ขอข้ามจากคดี “เมียนายพลถีบคนท้อง” ไป
แต่หากใครถูกใส่ร้ายบนโลก Online หรือใน Social Network, ผมอยากให้จำไว้
หากเราไม่ผิด, จงฟ้องร้องให้ถึงที่สุดเพื่อให้ Google เหลือไว้ซึ่ง “ความจริงโดยตัวบทกฏหมาย” ครับ