Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
พระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีเวลาเท่ากันคนละ 24 ชั่วโมงต่อวัน
แต่ในกรุงเทพฯ, ดูเหมือนจะมีสัตว์ประหลาดลึกลับที่คอย “กินเวลา” ของผู้คนอย่างเงียบๆ
ผมนั่งอ่าน Email งานและเขียน Blog นี้อยู่ที่ Starbucks ข้าง Apple Store Nagoya, จริงๆ ตั้งใจจะบินมาหิ้ว iPhone SE เมื่อวันก่อนด้วยตั๋ว 2355 บาทจากไทยมา Taiwan แล้วต่อเครื่องอีกทีมาลงญี่ปุ่นในราคา 2165 บาท
[แต่เกิดเปลี่ยนใจได้ Macbook Air มาแทน, ราคาถูกกว่าไทยแถมคืนภาษีก็ได้และจ่ายผ่านบัตร Visa ลดเพิ่มอีก 5% !]
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีเวลาเหลือเฟือจนบางครั้งสงสัยว่า “เวลาของคนกรุงเทพฯ หายไปไหน ?”
1. เวลารถติดบนถนน : 4 ชั่วโมง
ผมเคยเขียนเรื่อง “การควบคุมเวลา” ลงใน Blog เก่าว่า “อยู่มาวันหนึ่งผมก็ตัดสินใจย้ายชีวิตไปอยู่บนก้อนเมฆ [Cloud] และโลกแห่ง Mobile Office”, จึงไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเอาเวลาพักผ่อนอันมีค่าไปผลาญทิ้งบนถนนรถติดๆ ที่ทุกคนหยุดแน่นิ่งพร้อมๆ กัน…
ผมเคยสงสัยมานาน, ว่าทำไมเราต้อง “8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ?”
ทั้งที่ถ้าเรา “สลับเวลา” กันสักนิด, ก็จะหลีกชั่วโมงรถติดบนถนนได้โดยเกือบจะสิ้นเชิง
ผมมักจะออกจากบ้านบ่ายๆ, คุยงานใน Starbucks ตอนเย็นๆ แล้ว Party ต่อตอนค่ำๆ ก่อนกลับ
พักหลังนี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่, ผมแทบจะไม่ขับรถเองแต่เรียกใช้ Uber ไปประชุมงาน
พบว่าเวลารถติด 1 ชั่วโมงบนสุขุมวิทสามารถคิดงานใหม่ๆ ได้มากมาย, ถ้าไม่ต้องถือพวงมาลัยและหลบรถซ้ายขวา
2. เวลาเล่น Facebook / Social Network & Drama : 4 ชั่วโมง
เราอาจนึกไม่ออกว่า “เวลา” ของแต่ละวันสลายหายไปกับ Facebook / Social Network หรือ Web Board ไร้สาระมากแค่ไหน [ยิ่งหลายๆ คนอาจทำลายมันไปกับเรื่อง Drama, ซึ่งไม่มีค่าอะไรเลยแถมยังทำให้หงุดหงิดและจิตใจตกต่ำ]
วันก่อน, ผมเข้าไปจัดการ File ขยะใน iPhone 6S และ Check เรื่อง Battery & Data
Facebook กิน Battery ไป 57%, และตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็น iPhone 6S ก็ใช้ Data บน Facebook ไป 11.5 GB !
ยังไม่นับ Facebook Messenger อีก 0.6 GB
ก็จริง, ที่ผมใช้ Facebook & Facebook Chat ในการทำงานด้วยเช่นกัน
แต่นั่นก็เป็นแค่ “Excuse” มากกว่า, และ Facebook ก็ยังทำลายเวลานอนพักผ่อนของผมมากด้วย
3. เวลาเหนื่อย : 4 ชั่วโมง
หรือก็คือเวลาที่เราสูญเสียเพิ่มอีกเท่าตัวจากข้อ 1 !
คนที่ต้องขับรถเป็นเวลานานๆ คงเข้าใจ, ยิ่งในกรุงเทพฯ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคารพกฏหมาย
ยิ่งถ้าใครใช้ระบบขนส่งมวลชนที่ไร้คุณภาพ, ขึ้นรถเมล์ต่อวินมอ’ไซค์ฝ่าสายฝนกลางแดดร้อนๆ
กลับถึงบ้านก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงในการทำงานต่อใดๆ, รวมไปถึงการออกกำลังกายและการคิดสิ่งใหม่ๆ
ทำได้แค่อาบน้ำนอน, ก่อนจะตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อสู้กับสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปมา…
ส่วนตัวผมพบว่าการมีชีวิตใน Loop แบบนี้คือสิ่งที่น่ากลัว, บางคนเรียกมันว่า “The Comfort Zone” ซึ่งยิ่งวันจะยิ่งทำให้คนเราไม่กล้าหนีออกไปจากสภาพความเคยชินนี้ [แม้มันจะเป็นความเคยชินที “เหนื่อย” และ “ทำลายเวลา” มากก็ตาม]
4. เวลาดีๆ ที่หายไปในเวลาอันเลวร้าย : 24 ชั่วโมง
“การเสียเวลา” หรือที่ผมเรียกว่า “การเสียโอกาส”
เพราะทุกคนมีเวลาที่พระเจ้าประทานให้มาเท่ากัน, วันละ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงไม่ควรทนทำงานที่ “ไม่ใช่” และงานที่ “ไม่มีอนาคต”
เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนผมมาว่า “การไม่ทำอะไรและการทนอยู่อย่างเลวร้ายมันไม่ใช่แค่เท่าทุน”
เพราะทุกชั่วโมงที่ผ่านไปวันๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก, ก็คือการเสียโอกาสดีๆ ในชีวิตไป
ผมเปรียบเหมือนกับการเดินบนถนนที่ญี่ปุ่นแล้วเจอร้าน Ramen ข้างกัน 2 ร้าน, การตัดสินใจผิดเลือกทานร้าน A ที่ไม่อร่อยแล้ว “อิ่มเกินไป” จนไม่สามารถทานอีกร้านหนึ่งได้ก็คือการที่เราได้ทำลาย “โอกาส” ไปแล้วกับสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน
บางคราวที่ผมเห็นคนกรุงเทพฯ นั่งทนรถติดนาน 3 ชั่วโมงตอนเช้าๆ เพื่อเข้า Office ก็อดคิดไม่ได้ว่า “ใช้เวลาเท่ากับบินมา Taiwan เลย !” และเมื่อเขาฝ่ารถติดบนถนนกลับบ้านตอนค่ำๆ อีก 3 ชั่วโมง, ผมก็ต่อเครื่องถึง Haneda Tokyo พอดี…
Backpacker ส่วนใหญ่ที่ผมเจอใน Hostel, พวกเขามี Skil อย่างหนึ่งซึ่งเหมือนกันคือ “การทวงเวลากลับคืนมา”