Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
แม้แต่กองทุน LTF & RMF ยังติดลบไปเกือบ 10%, ถึงจะบอกว่าผมเอามา “หักภาษีปี 2015” คุ้มค่าแล้วก็ตาม…
และดูเหมือนว่าทิศทางตลาดหุ้นและการลงทุนช่วงต้นปี 2016 จะเลวร้ายลงไปอีก…
เชื่อว่าหลายๆ คน [รวมทั้งผม] กำลังมองหาวิธีการลงทุนใหม่ๆ
และเมื่อวานนี้, Time Magazine ก็เขียน Article ชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจว่าด้วย “การซื้อกระเป๋า Brandname ของ Hermes ได้ผลตอบแทนดีกว่าทองเสียอีก [Why The Hermès Birkin Bag is a Better Investment Than Gold !]”
พูดไปก็นึกถึง Boss ผมท่านหนึ่งที่ซื้อนาฬิกา “Rolex” เก็บไว้ให้ลูกให้หลานและเป็นการลงทุนไปในตัว
ยิ่งกว่าทองและหุ้นคือการลงทุนในกระเป๋า Brand Name !
Time ถึงกับเขียนข่าวว่า “Skip the gold and steer away from the tumbling stock market, according to a new study the best option for long term investors is to buy a Hermès Birkin bag !”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, สำหรับคุณผู้หญิงที่มี “เงินเย็น” และ “ต้องการลงทุนระยะยาว”
ตั้งแต่ที่โลกนี้มีกระเป๋า “Birkin” ของ Hermes จนถึงปัจจุบันก็กว่า 35 ปี, ราคาของมันแพงขึ้นทุกวี่วัน !
ผลตอบแทนต่อปีของทองคำในช่วงปีที่ผ่านมาคือ -1.5%, ส่วนตลาดหุ้นก็มีความผันผวนสูง
แต่ผลตอบแทนที่ได้จากการซื้อกระเป๋า Hermes Birkin ขายคือกำไร 14.2% ต่อปี !
รวมทั้งตลาดมือสองที่ต้องการของดีราคาถูก [?], ซื้อมาขายไปหมุนในระบบเรื่อยๆ
ความเสี่ยงในการลงทุนกระเป๋า Brand Name [& Hermes Birkin]
Time เขียนไว้ว่าน่าสนใจแต่ดูเหมือนว่า Forbes จะไม่คิดแบบนั้นด้วยเหตุผลสามประการ
1. มันไม่ง่ายขนาดที่เราจะเดิน Walk In เข้าไปใน Hermes Shop แล้วบอกพนักงานว่า “ขอ Birkin หนึ่งใบ” เพราะกระเป๋า Brand Name บางรุ่นอาจต้องใช้เวลา “ต่อคิวรอ [On The Waiting List]” นานถึง 60 เดือน !
2. ยังไม่นับ “ค่าดูแลกระเป๋า” ให้สวยงามจากร้านที่มีความเชี่ยวชาญระดับ “Birkin Appropriate Place”
3. และถ้าคุณคิดจะลงทุนไปพร้อมกับใช้มัน, เตรียมค่าซ่อมกระเป๋าไว้ด้วย
4. หุ้นไม่ถูกปล้น, แต่ Birkin ไม่แน่…
สรุปว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” และ “ผู้ลงทุนควรดูกระเป๋าเป็นก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน”
Hermes Birkin คืออะไรและทำไมราคาถึงได้แพง ?
“It’s not a Bag, it’s a Birkin !”
เป็นประโยคหนึ่งซึ่งแม้แต่ผมที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง Fashion ก็ยังจำได้, จากหนังเรื่อง Sex and the City
[ส่วนตัวผมนึกถึง Ad ของ Apple Inc ที่ว่า “If it’s not an iPhone, it’s not an iPhone”]
ประวัติของ “Birkin” เกิดจากชื่อนักร้องนักแสดงหญิงที่ชื่อ “James Birkin”, วันหนึ่งที่เธอขึ้นเครื่องบินจาก Paris ไป London แล้วได้นั่งข้างผู้บริหารของ Hermes ชื่อ Jean Louis Dumas โดยบังเอิญและทั้งสองก็คุยกันเรื่องกระเป๋า…
หลังจากนั้นไม่นาน, Jean Louis Dumas ก็สร้างกระเป๋าถือหนึ่งใบให้ James Birkin
นั่นคือที่มาของ “Hermes Birkin”, ที่ยังคงผลิตด้วยมือในฝรั่งเศส [Handmade in France] จนถึงปัจจุบัน
ราคาของ Hermes Birkin ก็ซื้อรถได้, เริ่มตั้งแต่ 8000 £ หรือราว 4 แสนบาทไทยไปจนถึงหลักล้าน, ขึ้นกับ Design และ Material ที่ใช้ทำตัวกระเป๋า [ซึ่งก็คือสิ่งที่ Forbes เตือนว่าการลงทุนในกระเป๋า Brand Name อาจไม่ง่ายก็ตรงค่า Maintenance]
ใครมี Choice อื่นที่ดีเกี่ยวกับการลงทุนในปี 2016 ก็วานบอกนะครับ :)