Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“คนรวยจะยิ่งรวย / คนจนจะยิ่งจน”
คือความหมายแบบง่ายๆ ที่ว่า
สักครู่นี้ผมมาเดินดู Condo แถวสุขุมวิท, เหตุผลที่สนใจอาจสวนทิศกับที่หลายคนคิดว่า “Condo มันล้นตลาดแล้ว” แต่ผมกลับมองว่า “ก็เพราะสินค้ามันมีเกินความต้องการ” ทำให้มันเกิด “สงครามราคา” และยิ่งบวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี…
อาจเป็นแค่การสังเกตของผม, แต่บน Website สายอสังหาฯ เริ่มมีการประกาศขาย Condo เพราะ “ผ่อนไม่ไหว”
ใครที่มีเงินเย็นๆ นิ่งๆ อยู่ในมือ, นี่คือโอกาสดีที่จะกว้านซื้ออสังหาฯ ต่างๆ ?
ใจกลางเมืองจะไม่เหลือที่ให้ประชาชน : ทุกคนกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง
ผมเพิ่ง Backpack ไป Vietnam เมื่อไม่กี่เดือนก่อน, ตอนนั้นกำลังมีการประท้วงเรื่อง “เมืองใหม่” เพราะชนชั้นสูง [Elite] ได้กว้านซื้อพื้นที่ใจกลางเมืองแล้วกั้นรั้วแยกตัวไปเป็น “เมืองสวรรค์” ที่สะอาดจนกระทั่งอากาศก็ไม่อยากใช้หายใจร่วมกับคนจน
แต่ผู้ที่มีสิทธิอยู่ใน “The Elite District” จะต้องรวย, หรือไม่ก็เป็นพวก Expats ฝรั่งที่เข้ามาทำงานและมีบริษัทเข่าให้
Case นี้คล้ายกับย่าน Makati ที่กรุง Manila, ซึ่งถูกเรียกว่า “Wall Street of the Philippines”
แต่คนท้องถิ่นทั่วไปไม่มีปัญญาอาศัยอยู่ในที่ๆ เป็นประเทศบ้านเกิดของตน
ด้วยราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปรกติ [เพราะถูกซื้อสลับมือไปมาระหว่างกลุ่มคนรวยไม่กี่กลุ่มเพื่อเพิ่มมูลค่า]
ทำให้ประชาชนต้องถูกไล่ให้ไปซื้อบ้านเขตชานเมืองแทนและอนาคตจะต้องจ่ายค่าเดินทางแพงๆ เพื่อมาทำงาน
เศรษฐกิจล่มสลาย : ทำให้คนรวยยิ่งรวยขึ้น
Condo หนึ่งที่ผมกำลังดูมันอยู่ในซอยเล็กๆ แถวสุขุมวิทติดกับห้างใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ไม่นาน, พื้นที่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าแห่งนี้เคยมีข่าวลงหนังสือพิมพ์ไปเมื่อสองสามปีก่อนว่า “แพงที่สุดในไทย” ด้วยราคาตารางวาละ 2 ล้านบาท
[เพราะ 1 วาเท่ากับ 2 เมตร, ก็แปลง่ายๆ ว่าสองล้านบาทนี้ได้พื้นที่เปล่าๆ ขนาด 200 x 200 cm…]
ผมเองก็เพิ่งทราบไม่นานนี้ว่าห้างใหญ่ดังกล่าวสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่ “ซื้อมาในราคาถูกกว่าปรกติ”
เพราะตอนที่ซื้อมันอยู่ในช่วง “เศรษฐกิจล่มสลาย” รอบก่อน, ตอน “Tom Yum Kung Crisis” ปี 1997 นั่นเอง
เผอิญว่าวันนั้นเครือห้างใหญ่แห่งนี้ยังมีเงินในระบบมหาศาล, จึงกว้านซื้อที่ดินและอสังหาฯ ในราคาต่ำๆ
ปัจจุบัน, Area ตรงนี้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของคนญี่ปุ่นหรือไม่ก็ของคนไทยที่มีเงินซื้อตึกไว้ให้ Expat เช่า
ค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงขึ้นมหาศาลอย่างไม่มีการควบคุม
แน่นอนว่าผมมา BTS, พักหลังๆ ไม่ค่อยได้ขับรถเพราะเบื่อสภาพการจราจร [และขับทีไรก็กลัวโดนรถคันข้างๆ เปิดกระจกลงมายิง] แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจทุกครั้งก็คือ “ค่าโดยสารรถไฟฟ้า” ที่รู้สึกว่า “แพงขึ้นทุกครั้ง” ที่กลับมาใช้ BTS
จากบางจากมาชิดลมราคา 52 บาทไทย, ถ้านั่งไปกลับก็ร้อยนิดๆ ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำคือ 300 บาท
ผมยังเคยคำนวณเล่นๆ ว่าถ้าผมขับรถไปประชุมงานแถวทองหล่อระยะทาง 10 Km จะต้องจ่ายค่าน้ำมันเพียง 30 – 40 บาท, ตรงข้ามกับการใช้ระบบขนส่งมวลชนที่ “แพงกว่ามาก” เพราะค่าวินมอ’ไซค์ออกไปปากซอยบ้านก็ 20 บาทแล้ว
พอต่อ BTS อีก 40 บาทเพื่อลงทองหล่อแล้วเรียกพี่วินฯ อีกครั้ง, รวมค่าเดินทางเข้าออกไปกลับคือ 200 บาท !
และจาก Paragraph ที่สอง, ประชาชนคนชั้นกลางจะยิ่งต้องจ่ายแพงขึ้นเพราะถูกไล่ที่ไปอยู่ไกลๆ จากใจกลางเมือง
เงินเดือนหมื่นห้า : ค่าเดินทาง 6 พัน…
คุณน้องสาวผมทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมาสองปี
การเดินทางจากบ้านที่ Ueno ไป Office แถว Shinjuku รวม 10 สถานีที่ระยะทาง 8.5 Km, ด้วยรถไฟฟ้าสาย JR ราคา 200 Yen [69 บาท] เท่าๆ กับพนักงานบริษัทในกรุงเทพฯ ที่นั่ง BTS จากบางจากไปเพลินจิต [8.2 Km / 52 บาท]
ความต่างคือเงินเดือนเริ่มต้นของคนจบปริญญาตรีที่ญี่ปุ่นคือ 300000 เยน, หรือแสนบาทไทยนิดๆ
ส่วน Office Lady ที่กรุงเทพฯ รับเงินเดือนหมื่นต้นๆ แต่ค่าเดินทางแทบจะเท่ากับชีวิตที่ Tokyo
ต่อไปจะยิ่งกว่านี้, เมื่อพื้นที่ใจกลางเมืองแพงขึ้นอย่างมหาศาลเพราะการเปลี่ยนมือไปมาของคนรวยไม่กี่กลุ่ม
“บ้าน” คือปัจจัย 4 ที่แปลว่า “ทุกๆ คนควรจะมี” แต่ดูเหมือนทุกวันนี้มันจะเป็นแค่ฝันไป