Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
บอกตรงๆ ว่าผิดคาด…
เมื่อช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา, พอดีมี Accident กระทันหันที่ทำให้ต้องส่ง Smartphone เครื่องหนึ่งไปให้คนที่เชียงใหม่ภายในวันนั้นและก็ได้รับคำแนะนำว่า “ที่ Airport มีบริการรับฝากพัสดุไปกับเครื่องบิน” ซึ่งจะไปถึงที่หมายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
พอดีมันเป็น Long Weekend, ผมก็เลยขับรถไป Airport สุวรรณภูมิทันทีแบบไม่มีรถติดใดๆ
และ “ประทับใจ” มากกับบริการของการบินไทย [Thai Airways], แถมราคาก็ยังถูกกว่าที่คาดไว้สิบเท่า !
จึงมา Short Note & Review ลง Blog ไว้, เผื่อวันหลังผมหรือใครต้องใช้บริการส่งสินค้าแบบด่วนๆ
อาคารสินค้าภายในประเทศ : TG & Bangkok Airways !
คือที่ๆ เราต้องไปเพื่อเอาพัสดุไปชั่งน้ำหนัก / XRay และฝาก [ชีวิต] ไว้กับเครื่องบินของเขา, Airlines ส่วนใหญ่มีบริการที่ว่านี้ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย [TG] / AirAsia / NokAir หรือ Bangkok Airways แต่เงื่อนไขอาจแตกต่างกันเล็กน้อยเช่น…
ผมไป Bangkok Airways ก่อนเพราะตัวโกดัง [Cargo] มันอยู่ด้านหน้าแต่ว่าพนักงานไม่รับส่งมือถือ
เพราะมันมี Battery ที่ถอดไม่ได้ [ถ้าเป็น Galaxy Note 7 อาจโดนจับเลย, ในข้อหาก่อการร้าย]
Bangkok Airways จึงแนะนำว่าให้ไปฝากไว้กับการบินไทย [TG] ที่ Cargo ข้างๆ แทน
แผนที่ “อาคารสินค้าภายในประเทศ” ของทั้ง 2 Airlines นี้ก็ง่าย, ไปตาม Google Maps ได้ง่ายๆ
หรือจะนั่งรถเวียน [Shuttle Bus] ฟรีจากตัวอาคารผู้โดยสายก็ได้เช่นกัน
วิธีการส่งพัสดุทางอากาศแบบฝากเครื่องบิน !
ง่ายกว่าที่กังวลจนแปลกใจ, พนักงานแต่ละจุดของ Cargo ให้คำแนะนำได้ดีมากโดยเริ่มจาก
1. ชั่งน้ำหนักและ XRay สิ่งที่อยู่ข้างใน, ดังนั้นอย่าโกหกทาง Airlines ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องใบนั้น [ถ้าใครยังไม่ได้ Pack สินค้าก็สามารถซื้อกล่องพร้อมวัสดุกันกระแทกที่นี่ได้และราคาก็ไม่ได้แพงเช่นกันแต่อาจเสียเวลาพอสมควรถ้าคิวเยอะ]
2. Staff จะให้ Sticker มาหนึ่งอันสำหรับเขียนชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของทั้งผู้รับทั้งผู้ส่ง [Shipper & Consignee]
3. เมื่อแปะ Sticker ที่ว่ากับพัสดุเสร็จก็เดินเข้าไปในตัวตึก Office, กดบัตรคิวเพื่อส่งของเหมือนเวลาไปไปรษณีย์
4. สวัสดีคุณ Staff งามๆ หนึ่งครั้งและฝากชีวิตไว้กับเครื่องบินของเขา
5. ตั้งแต่ขั้นตอนแรกตรงจุดชั่งน้ำหนักจนถึงการจ่ายเงิน, รวมแล้วไม่ถึง 10 นาทีกับราคาที่ถูกเกินคาด…
ราคาค่าส่งของทางเครื่องบิน !
เพราะว่าพวก DHL & Fedex คิดค่าบริการมหาโหด
แต่ดังที่เห็นในภาพ, ผมส่ง Smartphone หนึ่งกล่องน้ำหนัก 1.2 KG ที่ราคารวมแค่ 180 บาท !
แยกคิดเป็นสามรายการได้แก่ค่าน้ำหนักพัสดุ [Freight Charges] ที่ขั้นต่ำ 120 บาทสำหรับ 1500 กรัมแรก, ค่าใช้บริการ [Thailand Terminal Charges] อีก 40 บาทและค่าเอกสารดำเนินการ [Documentation Fee] อีก 20 บาท
คุณพนักงานที่ Cargo ก็ใจดี, พอเห็นว่าของที่ส่งเป็นโทรศัพท์มือถือก็แยกสินค้าไว้ในกลุ่ม Fragile
จากนั้นก็ Print ใบเสร็จออกมา, สามารถเอาตัวเลข Code ตรงนี้ไป Check สถานะการส่งสินค้าได้แบบ Realtime
หรือถ้าใครอยากจ่ายเพิ่มเป็นค่ารับประกันสินค้าก็ OK
ส่งถึงปลายทางภายใน 2 ชั่วโมง !
และบนใบเสร็จก็มีรายละเอียดของ Flight ที่จะบินไปยังปลายทางของเรา, หากใคร Serious เรื่องเวลามากก็อาจจะโทรสอบถามตาราง Flight Schedule ของแต่ละ Airlines ก่อนได้ [ต้อง Check ดีๆ เพราะบาง Flight อาจไม่รับส่งพวกพัสดุ]
แต่ Case ผมไม่รีบมาก, ขอให้ไปถึงเชียงใหม่ภายในวันที่ส่งก็พอ
รวมก็ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง, แล้วตัวผู้รับก็โทรกลับมายืนยันว่าของไปถึงมือในสภาพสมบูรณ์ 100%
จึงมา Review ไว้, เผื่อใครที่อยากส่งของไปไหนในเวลาเร่งด่วนด้วยเครื่องบินแต่ยังกังวลเรื่องราคา
อย่างของ Bangkok Airways ก็สามารถ Check ค่าบริการก่อนได้ที่ bangkokair.com/tha/cargo/index
[แต่พัสดุบางประเภทเช่นสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งมีชีวิต, ทางสายการบินอาจคิดค่าบริการเพิ่มครับ]