Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Okinawa กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ผมชอบที่สุดในญี่ปุ่น, หลังจากที่ปีก่อนบินไปกับสายการการบินแห่งโกดังอย่าง Peach Airlines เพื่อตามหาศิลาจารึกโบราณและซากเมืองลึกลับใต้น้ำชื่อ Yonaguni [ที่ว่ากันว่าอาจเป็นอาณาจักร Atlantis !]
เสน่ห์อย่างหนึ่งของ Okinawa ซึ่งเป็นเกาะทางใต้, ใกล้ Taiwan มากกว่าใกล้แผ่นดินหลักญี่ปุ่นก็คือวัฒนธรรมอาหาร
ที่ผสมผสานระหว่างจีน & ญี่ปุ่นและ American, หลังถูก USA ยึดเป็นที่ตั้งฐานทางการทหาร
และที่แปลกอีกอย่างก็คือ “ชาว Okinawan มีอายุขัยยืนยาวที่สุดในหมู่ชาวญี่ปุ่น”
อาจเพราะอาหารการกินที่ไม่เหมือนแผ่นดินหลัก, บวกกับนิสัยเฮฮาตามประสาชาวเกาะเขตร้อน !
Kinjo Okinawa by Eatigo : ลดทุกจาน 50% !
Menu ยอดนิยมก็เช่น Okinawa Soba เหลือ 95 บาท / Okinawa Goya Champuru [ผัดมะระของขึ้นชื่อประจำเมือง] ก็เหลือ 100 บาท / ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดก็ 125 บาทและ Shabu Shabu ชุดใหญ่สำหรับสองท่านก็แค่ 225 บาท !
ผมไปกันสี่คน [จริงๆ คือผู้ใหญ่สามและมีตัวแถมหนึ่งเป็นลูกคุณพี่สาวอายุหนึ่งขวบ]
Menu ที่สั่งก็ได้แก่ Okinawa Soba Set / ชุดข้าวหมูผัดขิง / ชุดข้าวหมูทอด, แล้วเพิ่มผัดมะระอีกหนึ่งจาน
รวมชามะลิร้อนหนึ่งกาและน้ำเปล่า, สรุปรวมราคาแค่ 503 บาท !
Set อาหารที่ประทับใจที่สุดก็คือ “Okinawa Soba Set”, ที่มีทั้งบะหมี่น้ำร้อนๆ และหมูชุบแป้งทอดกรอบๆ
รสชาติแบบต้นตำรับ, คล้ายกับที่เคยทานใน Okinawa เป็นอย่างมาก
ตัว Okinawa Soba จะออกเส้นหนาๆ หนักๆ และแบนๆ, เป็นนิยามของ “Soba” ที่ต่างจากบนแผ่นดินใหญ่
เครื่องที่ใส่มาในชามก็ได้แก่ “หมูสามชั้นตุ๋น” ซึ่งก็เป็นหนึ่งใน “Menu สุขภาพดี” ของชาว Okinawan [ที่ช่างขัดกับความเชื่อเก่าๆ ของเราเสียจริงๆ] และลูกชิ้นปลาแผ่นที่คล้ายๆ กับ “ฮือก้วย” ของชาวจีนแต้จิ๋นในเมืองไทยอย่างน่าประหลาด ?
ตอนผมไป Okinawa ครั้งแรกก็แปลกใจหลายสิ่ง, ทั้งอาหารทั้ง Culture ที่ได้รับอิทธิพลจากจีนและ Taiwan
รวมทั้ง “เหล้า Awamori” ที่เป็นของขึ้นชื่อแห่ง Okinawa, ก็หมักจาก “ข้าวไทย” ตั้งแต่สมัยโบราณ
ว่ากันว่า “ปลาริวกิว” ของบ้านเราก็น่าจะมีที่มาจากเกาะแห่งนี้, ที่แต่เดิมชื่อว่า “อาณาจักรริวกิว [琉球]” นั่นแลฯ
ส่วน “มะระผัด” นั้น, ใน Menu เขียนว่าเป็น “ผักโครงการหลวง”
ถ้าถามว่าขมไหม, ตอบได้เลยว่า “ขมมากกกกกกก”
แต่เขาก็เชื่อว่ามัน “ขมเป็นยา” แบบบ้านเรา, ทานแล้วจะชุ่มคอนิดๆ
[ถ้าใครชอบมากก็สามารถสั่งแบบ “พิเศษ” ที่เพิ่มปริมาณมะระสองเท่าได้…]
แม้ผมจะไม่ค่อยชอบมะระเท่าไร, แต่ผักอย่างอื่นที่ใส่มาด้วยกันกลับอร่อยอย่างน่าประหลาด
ทั้งหอมทั้งเข้มข้นด้วยกลิ่นปลาแห้งและซอส, จนอยากจะสั่งเพิ่มอีกจาน [แต่ไม่เอามะระ…]
อีก Menu ที่แปลกใจก็คือ “หมูทอด” ที่ดู “แห้ง”, ทานแล้วแทบไม่รู้สึกถึง “น้ำมัน”
แม้หมูจะแล่มาค่อนข้างบางแต่ก็ทำให้ทานง่ายและยิ่งกรุบกรอบ, จะราดซอสหรือจิ้ม Mustard ก็ Ok
แต่อย่างหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนจะไม่ชอบก็คือ “บรรยากาศ” ที่ดูแล้ว “บ้านๆ” สุดๆ ด้วยการเอาตึกแถวเก่าๆ มาปรับปรุง [?] ใหม่, กำแพงรอบด้านก็แปะ Menu ที่เขียนด้วยลายมือ, ให้ความรู้สึกของ “Izakaya” ข้างถนนในบ้านนอกแบบ “บ้านน้อกบ้านนอก”
ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้, ว่าผมชอบมากกก
ถ้านึกภาพไม่ออก, ก็ลองจินตนาการร้านเหล้าญี่ปุ่น [Izakaya] เจ้าใหญ่ๆ อย่าง Nagiya หรือ Shakariki
พวกนั้นถือว่าเป็น Izakaya แบบ “Chain & Franchise” สำหรับคนทั่วไป [ถ้าในญี่ปุ่นก็เช่น Watami & Isomaru Suisan ที่มีอยู่แทบทุกสถานี] แต่ Okinawa Kinjo จะหนักกว่านั้นอีกขั้น, เหมือน Izakaya ต่างจังหวัดที่ Run กิจการโดยคนท้องถิ่น
ทั้งความสะอาด / ความโหวกเหวกโวยวาย / ความกองข้าวของระเกะระกะ / ความมืดๆ ทึมๆ ก็จะขยับขึ้นไปอีก Step
อีกอย่างที่แย่หน่อยสำหรับร้านนี้ก็คือ “ที่จอดรถ”, ต้องหาเอาตามซอยลึกๆ ตามยถากรรม
ไม่อย่างนั้นก็ต้องจอดในอาคารสำนักงานข้างๆ, ชั่วโมงละ 40 บาท [ปั๊มอะไรไม่ได้เลย]
ถ้าเอาสะดวกสุดก็รถไฟฟ้า, นั่งมาลงสถานีพระโขนงแล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 69 ครับ