Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
กลับไทยมา, อย่างแรกที่อยากทานคือ “ผัก”
[การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ระดับ First Class, เลี้ยงดูกันดีเหลือเกินจนมีให้กินแต่เนื้อ…]
พอดีวันอาทิตย์นี้มีนัดต้องพาคุณแม่ไปธุระที่ Paradise Park แถวศรีนครินทร์, ก็นึกได้ว่าตรงนั้นมันมีร้านอาหารเวียดนามตามแบบฉบับ Hanoi ที่เล็งๆ เอาไว้หลายทีและพอลองเปิด Eatigo ก็พบว่าเขามีขาย Deal ลดราคา 50% อีกเช่นเคย !
จึงเป็นที่มาของครัวมือถือครั้งนี้, ที่ถ่ายด้วยกล้อง iPhone 11 Pro from Japan
ส่วนตัวผมเคย Backpack ไป Hanoi หนึ่งครั้ง, เป็นเมืองที่วุ่นวายมากแต่ก็ยังคิดถึงอย่างประหลาด…
Pho Van : ก็นึกว่ารถตู้แห่งเฝอ
ก็ยังงว่าหน้าร้านมันมีรถตู้ตรงไหน ?, จนเห็น Menu ถึงได้รู้ว่าร้านเขาชื่อ “เฝอเวิน”
และ Concept ของ Pho Van ก็ดังที่เขียนใน Paragraph แรกว่า “the finest selections of the authentic Northern Vietnamese cuisine”, เป็นอาหารเวียดนามแท้ๆ แบบทางเหนือ [ซึ่งก็คือ Hanoi ในขณะที่เวียดนามใต้คือ Ho Chi Minh]
ส่วนตัวผมชอบอาหารเวียดนามแท้ๆ มากกว่าอาหารเวียดนามแบบไทยๆ
สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ Buncha [เส้นหมี่หมูย่าง] และ Banhmi [Baguette Sandwich]
ทั้งสองอย่างเคยทานครั้งแรกที่ New York City, ก่อนจะได้ทานจริงๆ อีกทีก็ที่ Hanoi นี่แลฯ
และ Pho Van ก็มีทั้งสอง Menu ที่ว่าฯ, น่าเสียดายที่วันนี้มากับครอบครัวเลยไม่เหมาะจะสั่ง Banhmi เท่าไร
และนี่ก็คือ “เฝอไก่” กับ “เส้นหมี่หมูย่าง” ที่ว่าฯ
ตามมาด้วย “กุ้งพันอ้อย” และ “ปอเปี๊ยะแบบ Hanoi”
สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะ Discrimination นิดๆ ก็คือการที่ผมบอกกับครอบครัวว่า “ร้านนี้มันดูผู้ดี๊ผู้ดีเกินไป” เพราะอาหารเวียดนามที่ผมอยากทานมันต้อง “ซำเหมานิดๆ” อย่าง Banhmi ที่กินตามรถเข็นข้างถนนและ Buncha ที่ตักๆ ซดๆ ใส่จานมั่วๆ ซั่วๆ
[ที่บอกว่า Discrimination ก็เพราะจริงๆ ชาวเวียดนามเขาก็มีวัฒนธรรมเหมือนกันนะ]
สำหรับหมูย่าง, แม้จะดูดำๆ เกรียมๆ แต่จริงๆ กลับยังนุ่มชุ่มฉ่ำอย่างน่าประหลาด
ทานแกล้มกับเส้นขนมจีนเหนียวหนุบๆ และน้ำจิ้มรสหวานเปรี้ยวที่แสนสดชื่น !
เฝอก็เช่นกัน, แม้จะเป็นอาหารร้อนๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกเบาสบายเหมือนยามบ่ายในฤดูหนาวของ Hanoi
คงเพราะทั้งสองจานมันเป็นอาหารต้ม & ย่าง, การสั่งปอเปี๊ยะที่เป็นของทอดมาเสริมจึงยิ่งลงตัวและ “ปอเปี๊ยะแบบ Hanoi” ก็เป็น Menu ที่ผมประทับใจสุดของ Pho Van เพราะแป้งที่บางเฉียบมันกรุบกรอบไม่เหนียวติดหนึบกันเหมือนของบางร้าน !
พอมันเบาก็ไม่อมน้ำมัน, ตัดกับไส้ด้านในที่เข้มข้นเกินคาดคิด
ถึงขั้นที่ต้องสั่งปอเปี๊ยะมาเพิ่มอีกจาน [แต่รอบนี้สั่งเป็นไส้ปู, รสรวมแล้วจะคล้ายหอยจ๊อของจีนหน่อยๆ]
ปิดท้ายด้วย “กาแฟเวียดนาม” ที่ใส่นมข้นหวาน [แต่จะดีมากๆ หากร้าน “แยกนมข้นหวาน” เหมือนตอนผมทานที่ Hanoi เพราะจริงๆ ผมเป็นคนไม่ทานของหวานเลย, จะได้ดื่มเป็นกาแฟดำก่อนแล้วค่อยจบด้วยการใส่นมข้นหวานลงไปเองตามชอบ]
แต่โดยรวม, Pho Van ทำให้ผมคิดถึงการแบกเป้ Backpack ครั้งก่อนสู่ Hanoi
แม้บรรยากาศร้านจะดู “ผู้ดีไปหน่อย” และวันที่ผมไปทาน, ทุกโต๊ะก็กินกันเงียบมากกกก
อีกอย่างที่ทำให้ครอบครัวผมประทับใจมากมายก็คือ “พนักงาน” ของร้าน Pho Van ที่ทั้งสุภาพทั้งเอาใจใส่ [จนรู้สึกว่า “ผิดวิสัยร้านอาหารเวียดนาม”] แถมพอคิดเงินออกมา, หัก Deal ครึ่งราคาของ Eatigo แล้วเหลือแค่ห้าร้อยกว่าบาท !!!
ไว้จะกลับมาใหม่, ส่วนภาพทั้งหมดใน Blog นี้ก็ยังคงถ่ายด้วยกล้องสามตาของ iPhone 11 Pro ครับ