Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
ที่จริงก็ต้องยอมรับว่าแต่ละชาติเขาก็มี “ความเฉพาะตัว” ไม่แพ้กัน, แม้ Starbucks จะเป็น Brand ที่ [ดูผ่านๆ เหมือนจะ] ใช้ Standard เดียวกันทั้งโลก
อย่างที่ Tokyo Ginza, ผมเคยเจอคุณ Barista เดินตามมาส่งถึงหน้าร้านแล้ว “โค้งให้” เพื่อขออภัยว่าร้านเราที่นั่งเต็ม [ยังไม่นับเรื่องถังขยะที่แยกเป็น 5 ช่องจนแม้แต่คน American บ้านเกิดของ Starbucks มาเห็นยังทิ้งไม่ถูก…]
ส่วนที่ Germany และ EU, การเข้าห้องน้ำใน Starbucks จะต้องกดรหัส [เพราะค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะใน Europe มันแพงเหลือเกิน] ทำให้มีการยืนรอคิวเพื่อ “ขอยืมใบเสร็จ !”
หรือที่ New York, เป็นรัฐฯ ที่มี Barista ผิวสีเยอะมากและ Character เฉพาะของคน African American อย่างหนึ่งก็คือชอบฮัมเพลงไปโยกหัวไประหว่างรับ Order กาแฟ [ผมว่ามันเท่จัง]
และที่ส่วนตัวประทับใจเป็นพิเศษอีกประเทศก็คือ Macau, เพราะ Starbucks ที่นี่มี Egg Tart !
[Starbucks Thailand น่าจะเอาบ้าง, เอาอาหารประจำชาติมาทำขนมเช่น Sandwick ไส้ส้มตำ…]
และนี่คือ Starbucks India !
Starbucks India คือที่ลี้ภัยจากมิจฉาชีพ, เสียงแตรและฝุ่นควันระดับ 999 !
ก่อนจะมา New Delhi, ผมใช้เวลาสี่วันเต็มในกรุงพาราณสี [Varanasi] และก็เป็นสี่วันจากนรก [ทั้งที่ Varanasi เขาเรียกตัวเองว่าเมืองสวรรค์ริมแม่น้ำคงคา…] เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ “ขอทาน” กรูกันเข้ามาสลับกับลุงแก่หน้าชั่วๆ ที่ชอบลากตัวผมไป “Massage [マッサージ]” ด้วยความเข้าใจว่าเป็นคนญี่ปุ่น
[เหมือนเวลาเดินในซอยธนิยะฯ แต่ที่ Varanasi นี่โหดกว่าประมาณ 200 เท่า]
ฟ้าก็มีแต่ฝุ่นควัน, ถนนหนทางก็เต็มไปด้วยอึวัวและขอทาน
เรียกว่าแทบไม่มี “ที่หยุดพักหายใจ”, พอมาเมืองหลวง Delhi ก็ดีขึ้นหน่อย
แต่ที่ทำให้น้ำตาแทบไหลพรากๆ ก็ตรงที่มันมี Starbucks !
ที่เขาบอกว่าฝรั่งมาไทยแล้วดีใจเวลาเห็น McDonalds หรือ Burgerking, ซึ้งแล้วกับตัวเอง
และการมา India [แบบไม่เตรียมตัว] ครั้งนี้ก็มีหลายสิ่งที่ผม “พลาด” เพราะไม่รู้จริงๆ เช่น…
India เป็นประเทศที่ “คนกินมังสวิรัติเยอะที่สุดในโลก”
4 ใน 10 ของคนชาตินี้เป็นมังฯ ด้วยเรื่องศาสนา, ยิ่ง Varanasi นี่เรียกว่า “แทบจะกินมังฯ ทั้งเมือง”
แม้แต่ย่านนักท่องเที่ยวก็ขายแต่อาหาร Veg และก็เพราะ India นับถือวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆ กับรังเกียจหมูเป็นสิ่งสกปรก, ผลคืออาหารที่ขายบนแผ่นดินนี้แทบไม่มีเนื้อสองชนิดที่ว่าฯ
นอกจากอาหารอินเดียแท้ๆ ที่มีแต่ถั่ว / ผักและมัน, ร้านที่พอจะช่วยเพิ่มพลังในการแบกเป้คนเดียวเที่ยวทั่วประเทศก็คือ “KFC”
อย่างน้อยมันก็ขายไก่…
วินาทีแรกที่เจอ Starbucks ใน New Delhi, ผมจึงพุ่งเข้าร้านทันทีด้วยความหวังว่าอย่างเลวร้ายที่สุดก็คงมี Bagel Sandwich ที่ใส่ Smoked Salmon หรือไม่ก็ Lasagna / PAsta / Casserole อะไรสักอย่างที่เพิ่มพลังชีวิตได้ !
แต่อนิจจา, อาหารที่ Starbucks India มีให้ผมทานคือ…
ที่เห็นเป็น “จุดเขียวๆ” ตรงล่างสุดของแต่ละป้ายไม่ใช่ Logo นางเงือกของ Starbucks, มันคือสัญลักษณ์ว่า “อาหารจานนี้เป็นมังสวิรัติ”
ครึ่งกับอีกค่อนตู้ของอาหารใน Starbucks คือ Veg, ที่เหลืออีกราว 25% คือ Chicken !
[Menu ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบจะใช้จุดแดงหรือไม่ก็จุดส้ม]
India เป็นชาติที่ใจไม้ไส้ระกำมากในด้านอาหารมังฯ, คือเขาทำได้กระทั่ง “เอามันฝรั่งมาทำเป็นไส้ใส่ Burger”
หรือก็คือ “แป้งกับแป้ง…”
[บางร้านมีการเพิ่มความหลากหลายโดยเอามันฝรั่งไปสับแล้วชุบแป้งทอด, คู่กับมันฝรั่งอบและสลัดมันฝรั่งก่อนจะประกบด้วยขนมปังแต่ทั้งหมดมันก็แป้งอยู่ดีนะผมว่า…]
น้ำตาจึงไหลพรากๆ อีกครั้ง, ระหว่างสั่ง Black Coffee & Blueberry Muffin
และก็เพราะว่าผมมา New Delhi ช่วงสิ้นเดือน Dec [แถมยังไปป่าอิสิปตนมฤคทายวันเพื่อนมัสการสถานที่แสดงธรรมครั้งแรกของสิทธัตถะในวัน Christmas…], คุณ Barista จึงเอาส่วนลดกาแฟมาให้พร้อมกับอวยพรว่า “Merry XMas !”
ในประเทศที่ประชากร 94% นับถือศาสนา Hindu…
สมกับ Slogan ของประเทศที่ว่า “The Incredible India”
Character อีกอย่างของ Starbucks ประเทศนี้คือมี Barista ที่หน้าตาโหดมาก, ประหนึ่งว่าเราเข้าร้านมาเพื่อรบกวนเวลาไหว้เจ้าแม่กาลีฯ ของเขา [อีกชาติที่โหดไม่แพ้กันแต่ในคนละ Style คือ Russia…]
แต่ก็เช่นเดียวกับ Russian, ผมว่าจริงๆ คน Indian ก็เป็นมิตรมากๆ [ด้วยหน้าตาโหดๆ]
คุณ Baristas ทั้งสองในภาพแรกถึงกับเดินมาชวนผมไปทำ Coffee Testing [คนขวานี่คือยิ้มสุดๆ ในชีวิตเขาแล้ว…], ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อยเรื่อง Menu ของ Starbucks India
นอกจากอาหารที่มีแค่ไก่กับมังฯ, ความพิเศษอีกอย่างของ Starbucks India ก็คือมี Menu ชาแบบขายเป็นกา
และเป็นชาที่ไม่มีขายใน Starbucks ประเทศอื่น [อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเจอใน Starbucks USA / Starbucks Japan / Starbucks Korea / Starbucks Scandinavia และ Starbucks EU], เพราะเป็นชาที่บริษัท Tata ปลูกในประเทศ !
Tata, เจ้าเดียวกับที่ทำรถยนต์นั่นแลฯ
และก็เพราะ Starbucks ใน India, ครึ่งหนึ่งเป็นการถือหุ้นร่วมกับ Tata Coffee [ต่างจาก Starbucks Thailand ที่ทุกสาขาเป็นบริษัทแม่มาเปิดเอง]
ชาเฉพาะตัวอย่าง Starbucks Spice Majesty Blend ที่ขายใน India Only ก็มาจาก Farm ของ Tata
และ Starbucks India ก็ยังมีบริการ Delivery ร่วมกับ Swiggy, ซึ่งก็แน่นอนว่าถือหุ้นโดย Tata
พวก Mug & Tumbler ก็มี, แต่ Starbucks India แพ้บ้านเราและเกาหลีญี่ปุ่นแบบขาดลอย [นึกภาพคน Indian หน้าโหดๆ ทำตัวมุ้งมิ้งไม่ออกจริงๆ]
อีกหนึ่งสิ่งที่สุด Amazing แบบ The Incredible India ก็คือ Pollution
แม้ว่าฝุ่นควันจะสูงทะลุปรอทที่ 999, ฟ้าครึ้มเมฆหม่นปนกลิ่นไหม้แค่ไหนแต่หนุ่มสาวผู้มีใจรักกาแฟก็ยังคงเลือกที่จะนั่งนอกร้าน
ผมเลยลองทำตาม, ผลคือซดกาแฟไปกระอักเลือดไป
[กินเท่าไรก็ไม่หมดแก้ว, เทลงพื้นนี่แทบจะเปลี่ยนจาก Black Coffee เป็น Red Coffee]
ที่สะดุดตาอีกอย่างก็คือป้ายหน้าร้านที่เขียนว่า “ห้ามพกปืนเข้าร้าน [All Weapons, including concealed Firearms are Prohibited]”
ทีแรกก็คิดๆ จะถามเหมือนกันว่าทำไมต้องมีป้ายนี้, แต่คิดอีกที…
กินกาแฟเงียบๆ ท่าจะดีกว่า [ช่วงที่ผมมานี่, India กำลังมีการประท้วงระหว่าง Hindu VS Muslim ครั้งใหญ่ในรอบสิบปีและวันที่เขียนก็ตายไปแล้วกว่า 32 ศพ]
นอกนั้นก็คล้ายๆ บ้านเรา, มี Free Wifi และปลั๊ก
เหมาะมากสำหรับใช้เป็นที่พักหลบภัยตลอดช่วงเวลาสิบกว่าวันที่ผมมาแสวงบุญฯ อยู่ใน India