Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ในบรรดา Ramen ที่ผมเคยทานมา, ไม่มีร้านไหนอร่อยไปกว่า “Rokurinsha [六厘舎/ โรคุรินฉะ]” ซึ่งมีหลายสาขารวมทั้งที่ “The Ramen Street” แห่งสถานี Tokyo Station [แต่ผมทาน Rokurinsha ครั้งแรกใน Haneda Airport]
มารู้ทีหลังว่า Rokurinsha ได้รับการ Voted ให้เป็นร้านอันดับ 1 ของ Ramen Street !
และครั้งนั้นผมก็สั่ง “บะหมี่แห้งแยกซุป” หรือที่เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ทสึเคะเมง [Tsukemen / つけめん]”
โดยไม่รู้อีกว่ามันคือ Menu ที่ขายดีที่ที่สุดของ Rokurinsha
แต่ต่อมา, Rokurinsha ได้แยกร้านออกมาอีกหนึ่งในชื่อ しゃりん [Sharin / ฉะริน] โดยเน้นขายแค่ Tsukemen !
จาก Menu หน้าร้าน, จะเห็นว่า Sharin [しゃりん] เน้นขายแต่ “ทสีเคะเมง [Tsukemen]” จริงๆ
[ซึ่งมันก็คือบะหมี่แห้งที่แยกน้ำซุปมาแต่ว่าเป็นซุปแบบร้อน, คนละอย่างกับ “บะหมี่เย็น” นะครับ]
การ Backpack มาญี่ปุ่นของผมครั้งนี้ก็เพื่อหิ้ว iPhone 6S Plus & iPhone 6S สีชมพูกลับไทย, ก็เลยถือโอกาสใช้กล้อง iPhone 6S ลองถ่าย Review ร้านอาหารใน Tokyo เพื่อเป็น “ตัวอย่างภาพถ่ายในชีวิตจริง” ให้ทุกท่านได้ชมไปในตัว…
สำหรับคนญี่ปุ่น, Ramen ก็เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวข้างถนนของคนไทย
จุดขายคือความเร็ว, ทานหนึ่งชามเสร็จก็ไปทำงานต่อ
しゃりん [Sharin] ก็เป็นเช่นนั้น, เดินเข้าร้านไปสั่งบะหมี่จากตู้กดง่ายๆ ในราคาชามละไม่ถึงพันเยน
ถ้าใครอยากได้หมูอบและไข่เยอะหน่อยก็สั่งพิเศษ 860 Yen, หรือจะเพิ่มเส้นเพิ่มสาหร่ายทีหลังก็ได้
หน้าตาของ “しゃりんつけめん [Sharin Tsukemen]” ก็เป็นเช่นนี้ !
มีเส้นบะหมี่พร้อมไข่ต้มยางมะตูมและสาหร่ายแผ่นให้, ตัวเส้นคือความภาคภูมิใจของ Sharin [& Rokurinsha] ว่ามีความเหนียวนุ่มเหนือกว่าบะหมี่ของร้านใดๆ และ Tsukemen ทุกชามจะต้องจัดวางมาอย่างดงามแม้จะเป็นอาหารจานด่วน
ส่วนซุปสำหรับชุบเส้นก็ดังที่เห็น…
ดูแล้วรู้ทันทีว่า “เข้มข้น” ด้วยการเคี่ยวกระดูกหมูและเติมปลาป่นลงไปอีกชั้น !
ยิ่งเพิ่มความมีน้ำหนักให้กับน้ำซุป, และเมื่อชุบเส้นบะหมี่ที่ทั้งเหนียวและหนัก…
ก็จะติดซุปอันเข้มข้มกลมกล่อมขึ้นมาเป็นปริมาณมาก
ใส่ปากแล้วลิ้มรสแห่ง “สุดยอดบะหมี่แห้งแยกซุปแห่งแผ่นดินญี่ปุ่น” กันได้อย่างสะใจ !
ทานกันได้จนถึงก้นชาม, หมดซุปพอดีเมื่อหมดเส้น
สำหรับ Tsukemen ราคาชามละ 860 Yen, ก็จะมีไข่ต้มยางมะตูมดังที่เห็น 1 ฟอง / บะหมี่พูนชาม / สาหร่าย 1 แผ่น / หมูอบชิ้นใหญ่ 2 อันและในน้ำซุปก็ยังมีหมูสับอยู่ไม่น้อย [ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นและ Body ของซุปเวลาชุบเส้นเข้าไปอีก !]
เหตุผลส่วนตัวที่ผมชอบ Sharin & Rokurinsha เป็นพิเศษก็ตรงเส้น…
ไม่ค่อยชอบบะหมี่เส้นเล็กแบบ Hakata Ramen, อย่าง “Ichiran” ที่คนไทยเรียกว่า “ราเมงข้อสอบ” นี่ข้ามไปเลย
[แต่ก็ไปทาน Ichiran ที่สาขาบ้านเกิดใน Fukuoka มาแล้วนะครับ :)]
และเมื่อผสานเข้ากับซุปที่ใส่เนื้อหมูสับกับปลาป่นลงไป, ก็ทำให้เวลาชุบเส้นมันเข้มข้นขึ้น
ไม่แปลกใจที่ Rokurinsha ได้รับการ Voted ให้เป็น “No.1 Ramen” แห่งถนนสายบะหมี่ที่ Tokyo Station !
แต่ข้อเสีย [?] ของ Sharin ก็คือร้านมันเล็ก…
[จริงๆ ร้าน Ramen ที่เป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ, ไม่ได้สร้างมาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มักจะเป็นแบบนี้ทั้งนั้น]
ผมไปสาขา Ueno, ใต้ห้าง Atre ที่อยู่ในตัวสถานี Ueno Station [ข้างๆ Ichiran Ramen ที่คนไทยชอบทานนั่นเอง]
ถ้าเป็นตอนเที่ยงหรือเย็น, ไม่มีวันได้ทาน Sharin Tsukemen โดยไม่ต่อคิว
ทว่า ผมมา Tokyo รอบนี้แบบ Backpack สบายๆ, รับ iPhone 6S เสร็จก็แวะมาทาน Sharin ตอนบ่ายๆ
ได้นั่งหน้าพ่อครัวชมบรรยากาศ
ส่วนใครที่อยากทานร้านต้นกำเนิดของ Sharin ที่ชื่อ Rokurinsha [六厘舎/ โรคุรินฉะ] ก็อาจนั่งรถไฟไปลงสถานีหลัก Tokyo Station, แต่ส่วนตัวผมแนะนำสาขา Haneda Airport หรือไม่ก็ Tokyo Skytree ที่คนน้อยกว่ามาก
ภาพทั้งหมดใน Blog นี้ก็ถ่ายด้วยกล้อง iPhone 6S Pink Rose Gold ของ Apple Japan, หากใครสนใจรุ่นนี้หรือกำลังจะบินมาหิ้วก็อ่านเพิ่มเติมได้ใน Blog เก่าที่ “iPhone 6S Blogger Review : รีวิวที่แรกในไทยสดจากกรุง Tokyo !“
[และวันนี้ของปี 2014, ผมก็เขียน Blog เรื่อง Kichitora [吉虎] Ramen Review by iPhone 6 Plus” ด้วยครับ :)]