Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 3 ใบ ! > "Click"
--------------------------
แม้จะต้องยอมรับว่าโลกหมุนไปแต่ส่วนตัวผมก็เสียดายเช่นกันเพราะ Webboard มันเป็นเหมือน “โกดัง” ขนาดใหญ่ที่รวมเอา “ความเห็นอันหลากหลาย” และยังสามารถค้นเจอได้ง่ายบน Google Search Engine, ซึ่งเป็นสิ่งที่ Facebook ให้ไม่ได้
วันก่อน, ได้คุยกับผู้ร่วมก่อตั้ง Website และ Webboard มือถือคนหนึ่ง
ซึ่งเหตุผลที่ผมยังอ่าน Webboard แห่งนี้ประจำก็เพราะมันมีหน้าสำหรับขายของ
และเครื่องมือสองที่ลงประกาศใน Webboard นี้ก็มักจะเป็นของดีจริง [ผมเองก็เคยลงขายบ่อยๆ]
แต่คนที่ได้กำไรทั้งหมดทั้งมวลก็คือ User หรือไม่ก็พ่อค้าที่คอยจับเครื่องดีๆ, เงินไม่เข้ากระเป๋าเจ้าของพื้นที่แม้แต่บาทเดียว…
“ผมทำให้คนอื่นได้กำไร : โดยแบกรับภาระไว้คนเดียว”
User ด้วยกันมีพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าดีๆ
พ่อค้ามือถือเข้ามา “จับเครื่อง” ไปและส่วนใหญ่ก็วนกลับมาขายทำกำไรที่นี่
พวก Blogger / Youtuber เกิดใหม่บางคนที่ยังไม่มี Brand มือถือเข้ามาเป็น Sponsor หรือกำลังอยู่ในช่วง “สร้างชื่อ” ก็มักจะมาเลือกซื้อเครื่องมือสองรุ่นใหม่ๆ สภาพดีๆ ที่นี่เพื่อเอาไปเขียน Review แล้วก็ปล่อยทิ้งต่อโดยขาดทุนแค่พันสองพัน
คือจริงๆ ทั้งสามกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร
คล้ายๆ ตลาดนัดที่เจ้าของเปิดให้ทุกคนเข้ามาทำธุรกิจได้โดยไม่คิดค่าเช่าแผง
และวันนี้ก็สายเกินไปแล้ว, หากเจ้าของ Webboard คิดจะเก็บเงิน
“ไม่มีใครยอมจ่ายเงินให้ Webboard”
คือสิ่งที่หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเล่าให้ผมฟัง, ทุกคน “ชิน” กับการที่ Webboard ต้องฟรี
[แต่ก็แปลกที่พวกเขา “ชิน” กับการที่ต้องจ่ายตังค์บน Facebook เพื่อให้คนเห็นจนเป็นเรื่องธรรมดาหรือพูดอีกอย่างคือมันเกิดแนวคิดใหม่ที่ว่า “ถ้าต้องมาจ่ายเงินให้กับ Webboard หรือ Forum, สู้เอาเงินไปซื้อ Facebook Ad ยังดีกว่า”]
และก็แน่นอน, นโยบายเปิดรับ “บริจาค” เป็นอะไรที่ใช้งานจริงไม่ได้เลยบนโลก Online ของเมืองไทย
เพราะเช่นกัน, คนส่วนใหญ่ในบ้านเราคิดว่า “ทุกอย่างบน Internet = ฟรี”
เพียงแต่ Facebook เป็นระบบใหญ่, มีการจัดการที่ดีจนไม่ยอมให้ผู้ใช้งานหาช่องทางฟรีๆ ได้ง่ายๆ มากกว่า
ยิ่งถ้า Webboard ไหนพยายามย้ำบ่อยๆ ว่าขอให้คนบริจาค, ก็เสี่ยงกับการโดนตราหน้าว่า “งก” อีก
ก่อนที่โลกนี้จะมี Facebook, หลายๆ คนทำ Webboard ขึ้นมาด้วยความรักความตั้งใจอันดีที่จะรวม User เฉพาะกลุ่มเฉพาะทางเข้าด้วยกันแต่เมื่อจำนวนคนมันเยอะเข้าก็ต้องแบกรับภาระค่า Host & Server ไปจนถึงการนั่งดูแลระบบหลังบ้าน
ยังไม่นับเรื่องที่เจ้าของ Webboard ที่ “ใจรัก” ในวันนั้นอาจโตขึ้นแล้วในวันนี้, มีงานการมีธุรกิจมีครอบครัวต้องดูแล
และหลังๆ พวก Sponsors ต่างก็ถอนตัวเหมือนกันเพราะโครงสร้างของ Webboard ส่วนใหญ่มันไม่เอื้อต่อการลงโฆษณา
สู้เอาเงินไปลง Facebook Ad ดีกว่า [อีกเช่นเคย]
ที่ยังอยู่รอดได้อาจต้องเป็น Webboard ใน Scale ใหญ่ที่รวมมันทุกเรื่องอย่าง Pantip
และต้องผันตัวเองจาก “Webboard ธรรมดา”, เป็น “ตัวก่อ Drama” ให้คนเอาไป Share ต่อบน Facebook อีกที
สุดท้ายผมก็เลี้ยงข้าวเลี้ยงกาแฟเขาไป, แทนคำขอบคุณที่เปิดพื้นที่ให้คนใช้ฟรีๆ โดยขาดทุนตลอดสิบปีที่ผ่านมา