Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของผม
ที่ปัจจุบันก็ใช้ iPhone X อยู่แต่กลับไม่ค่อยชอบมันเท่าไร
คาดการณ์กันว่าปีนี้จะมี iPhone รุ่นใหม่เปิดตัวอย่างน้อยก็สามรุ่น, ได้แก่ iPhone X Gen 2 ที่ใช้จอไร้ขอบ 5.8 นิ้วพร้อมกับ iPhone X Plus ที่ขยับขนาดจอขึ้นมาเป็น 6.5 นิ้วและรุ่นประหยัดอย่าง iPhone SE Gen 2 ที่เป็นดัง “iPhone X ย่อส่วน”
ส่วนตัวผม, กลับสนใจ iPhone SE Gen 2 ที่สุด
ด้วยเหตุผลทั้งสี่
4. iPhone Se 2018 คือ iPhone ราคาประหยัด
ถ้าจำกันได้, iPhone SE เคยทำให้โลกสั่นสะเทือนมาแล้วด้วยค่าตัวเพียง 399 USD [12800 บาทไทย]
และถ้าไม่พลาดอะไร, iPhone SE Gen 2 ก็น่าจะเปิดราคาไล่ๆ กัน
ดังที่ The MacWorld UK รายงานข่าวไว้ว่า “In the US the iPhone SE costs 399 USD for 32GB and 449 USD for 128GB, We expect the iPhone SE 2 to be similarly priced when [and if] it launches”
ส่วนตัวผม, แม้จะใช้ iPhone X อยู่แต่ก็รู้สึกเหมือนกันว่า “มันแพงไปหน่อย”
ทั้งที่ผมหิ้วเองจากญี่ปุ่น, ด้วยราคาเปิดตัวแค่ 112800 JPy [32500 บาทไทย]
ยิ่งเครื่องศูนย์ไทยที่ซัดไปสี่หมื่นต้นๆ, เชื่อว่าคราวนี้ iPhone SE 2018 คือทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจเพราะ…
3. iPhone SE Gen 2 ใช้ Design เดียวกับ iPhone X !
แม้จะยังไม่ชัดเจน 1000% แต่ Sources ข่าวหลายเจ้าก็ให้ข้อมูลตรงกัน, รวมทั้งผู้ผลิต Accessories รายใหญ่อย่าง Olixar ที่เอา Cases หลากรูปแบบของ iPhone SE 2018 ออกมาขายเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับสมัย iPhone X !
ส่วนตัวผมอีกเช่นกัน, ที่ซื้อ iPhone X เพราะ Design แบบ “ไร้ขอบพร้อม Notch” ที่สะดุดตา
และ iPhone X ก็ยังเป็นมือถือรุ่นเดียวในตลาดที่ใช้ Design นี้
แต่ถ้ามี iPhone SE Gen 2 เป็นอีกตัวเลือกใหม่ในราคาที่ถูกกว่ากันถึงสามเท่า
ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าลูกค้าจะยังเลือก iPhone X [หรือ iPhone X Gen 2 และ iPhone X Plus] อยู่ไหม ?
โดยเฉพาะคนที่อยากใช้งาน “มือเดียวได้ในทุกสถานการณ์”
2. iPhone SE 2018 คือมือถือที่กะทัดรัดที่สุด
ใครอ่าน Blog มานานจะสังเกตว่าผมแทบไม่เคยซื้อ iPhone Plus Series ใช้ [หรือใช้ได้ไม่กี่วันก็ต้องขายทิ้ง] เพราะ Life Style ของผมคือการแบกเป้ Backpack ไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย, การ “ใช้งานมือเดียวได้” คือสิ่งสำคัญมาก
บางครั้งเราอาจต้องถือร่ม [และบางคราวก็ต้องถือถุง Shopping ของที่คนอื่นฝากซื้อกลับไทย…]
ผมจึงเลือก iPhone รุ่นมาตรฐานจอ 4.7 นิ้วใช้เป็นเครื่องหลักมาโดยตลอด
สำหรับ iPhone X ถือว่า “พอไหว” เพราะตัวเครื่องใหญ่พอๆ กับ iPhone 8 รุ่นธรรมดา
แต่ก็มีหลายจังหวะที่นิ้ว “เอื้อม” ไม่ถึงขอบจอบนซ้ายและบนขวา, ต้องกด “ย่อ” จอลงมาซึ่งก็เสียเวลาและเสี่ยงหลุดมือ
ในขณะที่ iPhone SE Gen 2 น่าจะมีขนาดเครื่องใหญ่เท่ารุ่นเก่า, แต่มาพร้อมจอภาพไร้ขอบขนาด 5.0 นิ้ว
1. เพราะแค่ iPhone SE ก็พอแล้ว
ว่ากันตามตรง, คุณน้องสาวผมที่อยู่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แค่ iPhone 7 และคุณพี่สาวก็ยัง Happy ดีกับ iPhone 6S
ปัจจุบันโลกเรามันเปลี่ยนไป
มือถือเริ่มคล้าย Laptop มากขึ้นในแง่ที่ “ไม่ได้จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทุกปี” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ในโลกของ Apple ที่มีการ Update รุ่นเก่าๆ ให้รองรับ Features ใหม่ๆ ทำให้ “อายุการใช้งาน” ของ iPhone แต่ละตัวยาวขึ้นจากปีเป็นสองปี
ในฐานะที่ผมซื้อ iPhone 8 และ iPhone X มาใช้ทั้งสองรุ่น, ผมก็ยังคิดว่า “จริงๆ ก็ไม่ต่างจาก iPhone 7 เท่าไร”
ยิ่งถ้า iPhone SE Gen 2 มาพร้อม Design เดียวกัน iPhone X ในราคาหารสาม
Tim Cook คงต้องถามตัวเองอย่างมากว่าจะทำอย่างไรให้ iPhone SE Gen 2 ไม่สะเทือน Flagships ตลาดบน