Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
แช่งมาเป็นสิบปี, ไม่รู้เมื่อไรจะเห็นผล
ล่าสุด, Tim Cook ออกมาประกาศผลประกอบการของ Apple Inc ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาและชัดเจนว่า
“Apple’s sales hit 62.9 billion USD [up 20% from a year prior], fueled by the higher price tag of the iPhone and continued growth of supplementary services such as Apple Pay and iCloud”
และก็แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้ Apple กำไรเพิ่มขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดจาก “The average selling price of iPhones during the quarter rose to 793 USD, a significant bump from 618 USD a year prior”
จำนวนเครื่องที่ขายไม่ต่างจากเดิมเท่าไร
แต่ราคาต่อเครื่องที่ขายไป, เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากค่าเฉลี่ยที่ 618 USD [20300 บาท], กลายเป็น 793 USD [26200 บาท]
ซึ่งก็เพราะ iPhone รุ่นใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2017 เปิดตัวมาแพงกว่าสมัยก่อนอย่างชัดเจน, เริ่มจาก iPhone X ที่ 999 USD [33000 บาท] ต่อด้วยรุ่น Successors อย่าง iPhone XS และ iPhone XS Max ที่ปรับฐานขึ้นไปเป็นห้าหมื่นบาทถ้วนๆ
แต่ก็น่าสนใจ, ตรงที่จำนวนผู้ซื้อไม่ได้ลดลงเท่าไรแม้ราคา iPhone X Series จะแพงขึ้นมาก
เข้าทำนองว่า “คนซื้อไม่บ่น” เพราะกลุ่มลูกค้าตัวจริงยังมีเงินมากพอจะ Afford ได้
ส่วนคนที่ด่ากันถล่มทลายท่วม Social Network, คือคนที่ไม่ซื้ออยู่แล้วนั่นเอง
แต่ประเด็นของ CNN Money ก็น่าสนใจ
“Apple no longer wants you to know how many iPhones it sells”
จากเดิมที่ Tim Cook มักจะแจ้งว่า “เราขายมือถือได้กี่เครื่องในช่วงที่ผ่านมา” แต่จากนี้ไป Apple Inc จะแจ้งเฉพาะผลประกอบการแทน [Apple said it plans to stop reporting how many iPhones, iPads and Macs it sells]
อาจเพราะ Tim Cook ไม่อยากให้เห็นว่าสินค้าในบาง Category มียอดขายค่อนข้างนิ่ง [Flatlining Growth]
หรืออาจเพราะ Tim Cook ไม่อยากให้คนตั้งคำถามว่า “ทำไมยอดขาย iPhone ก็เท่าเดิมแต่กำไรเพิ่มเยอะจัง ?”
ซึ่งก็แปลว่า Apple ฟันกำไรต่อหน่วยสูงมากนั่นเอง
[แต่จริงๆ ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้, ยิ่งคนระดับที่ซื้อ iPhone X Series ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะไม่ทราบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วละมั้ง]