Digital Disruption : California ก็เลิกจ้างเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 !
“38% more California employers file layoff warnings”
เป็นข้อมูลจาก California’s Employment Development Dept
ส่วนตัวผมชอบการจั่วหัวที่ว่า “Has it seemed like news of layoff notices is on the rise ? [คุณก็รู้สึกเหมือนกันรึเปล่าว่าช่วงนี้มีข่าวเลิกจ้างคนงานเยอะขึ้น ?” พร้อมคำตอบในตัวว่า “Well, you’re not mistaken [คุณคิดไม่ผิดหรอก]”
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดการชะงักงันด้วยหลายปัจจัย
แต่อีกส่วนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาแทนที่ของ Technology มีผลต่อการเลิกจ้างแรงงานชาวมนุษย์เป็นอย่างมาก !
แม้แต่บ้านเกิดของเหล่า Unicorns และใน Silicon Valleys ก็หนีความจริงนี้ไม่พ้น
“It is hard not to notice that in the past 12 months, 833 companies filed layoff notices impacting 72700 employees” และในตัวเลขเหล่านี้ก็มียักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ที่ก็เพิ่งเลิกจ้างพนักงานไปกว่าพันชีวิตเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ที่สำคัญ, ตัวเลขการปลดคนงานใน California [& USA] ก็ยังมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นอีก
โดยเฉพาะในสายที่ Technology เข้ามาแทนที่ได้โดยตรง, อย่างสายธนาคาร
HSBC เลิกจ้าง 4000 ตำแหน่ง, Deutsche Bank อีก 18000 คน
หรืออย่างบ้านเราก็ SCB, ที่แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าด้วยการลอยแพพนักงาน 12000 ชีวิต
ใครที่ยังคิดว่า “งานที่ตนทำอยู่ปลอดภัยมาก”, ผมอยากให้ลองถามตัวเองดีๆ อีกครั้ง
เพราะเมื่อวันก่อน, ผมคุยกับ SMEs ท่านหนึ่งที่มา “นัดส่วนตัว” เรื่อง How to be Blogger
เขาถามผมว่า “อาชีพไหนที่ถูก Digital Disrupted หนักสุด ?”
คำตอบของผมทำให้เขาแปลกใจมาก
เพราะ “สาย Digital & Online คือสายที่อันตรายที่สุด”, ในความคิดของผม
มันอาจตรงข้ามกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่, ว่าตอนนี้ใครทำงานด้าน Digital คือลอยตัวแน่ๆ
แต่เหตุผลที่ผมคิดแบบนั้นก็เพราะสาย Digital คือสายที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน [หรือต้องบอกว่า “แทบจะทุกวินาที”] และมันก็เป็นสายที่มีเด็กรุ่นใหม่มาไล่ฆ่าคนรุ่นเก่าหนักมาก, แค่ไม่ Update ตัวเองสองสามวันก็พร้อมจะถูกไล่ที่
แค่ Zuckerberg เปลี่ยนกฏการมองเห็นของ Page, แค่นั้นก็ทำให้ Influencers หลายรายหายไปจากโลก
แต่เรื่องนี้สอนเราอย่างหนึ่งว่า “ไม่มีสายงานไหนที่ปลอดภัยแล้วจริงๆ” แม้กระทั่งวงการ Digital & Online ที่เข้ามา “ฆ่า [Disrupt]” ธุรกิจโลกเก่า, เพราะว่าสิ่งที่ใหม่ที่สุดในวันนี้ก็หนีชะตากรรมที่จะต้อง “ตกยุค” ไม่ได้เมื่อเช้าวันพรุ่งนี้มาถึง
ถ้าสาย Online ยังตาย, แล้วสายอื่นจะไปเหลืออะไร ?