Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ช่วงนี้ผมรบกับ SCB ว่าด้วยบัตร M Luxe หนักมาก, หลังเกิดปัญหา “จองสิทธิใช้ Airport Limousine ไม่ทัน” ทั้งที่จองล่วงหน้า 8 วัน [ในเอกสารบอกว่าให้จองล่วงหน้า 5 วัน] และจริงๆ มันมีประเด็นนิดๆ ตั้งแต่ “ธนาคารขอเวลาจัดส่งบัตร 15 วัน” แล้ว
แต่ถ้าข้าม Drama ไป, ตอนที่บัตร SCB M Luxe เปิดตัวใหม่ๆ ผมเคยเขียนเรื่องสะกิดใจอย่างหนึ่งลง Blog ว่า
“บัตรใบนี้ใช้ฐานเงินเดือน 100000 บาท, ซึ่งก็ถือว่าน่าจะสูงประมาณหนึ่งแล้วสำหรับเมืองไทย
แต่เอาเข้าจริงกลับมีคนสมัครถล่มทลาย, ถึงขั้นที่ SCB ต้องขอเลื่อนการจัดส่งบัตรจาก 7 วันเป็น 15 วัน”
จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม, วันนี้ SCB ประกาศอีกครั้งว่า “จะปรับฐานเงินเดือนบัตร SCB M Luxe ขึ้นเป็นแสนห้า”
ประเด็นของ Blog นี้ไม่ได้อยู่ที่ “บัตร SCB M Luxe คุ้มค่าน่าสมัครรึไม่”
แต่อยู่ที่ “แปลว่าคนเงินเดือนหลักแสนในไทยมันเยอะมาก”
ยังไม่นับ Freelance / เจ้าของธุรกิจ [และพวกเลี่ยงภาษี, ซึ่งกลุ่มนี้น่าจะรวยกว่าสองกลุ่มแรกด้วยซ้ำ]
แต่แปลก, เราได้ยินคนพูดว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” และ “ค้าขายเจ๊ง” ทั่วทุกหัวระแหง
ทุกครั้ง, ผมจะกลับมานั่งคิดว่า “แล้วเงินในระบบที่ว่าฯ มันหายไปไหน ?”
แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่า “แล้วเราจะเข้าไปขายของให้คนที่มันเงินเดือนหลักแสน [ถึงล้าน] ได้อย่างไร ?” เพราะสถานการณ์ตอนนี้, มันคือเรื่องจริงที่ “เศรษฐกิจไม่ดี” แต่ “ความไม่ดี” มันเกิดหนักเป็นพิเศษกับตลาดล่างและตลาดกลางค่อนไปทางล่าง
เพื่อนผมที่อยู่สายอสังหาฯ เล่าเรื่องนี้มาอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2018
“Real Estate ที่ราคาต่ำกว่าสี่ล้าน, ชะงักทั้งตลาด”
Okay, ตัวเลขที่ว่านี้อาจเป็นแค่การ “ตีกลมๆ” เพื่อให้เข้าใจง่ายแต่มีอย่างหนึ่งที่ผม “ประทับใจ [?]” มากๆ ในเหตุผลที่เขายกขึ้นมาก็คือ “เพราะคนที่จะซื้ออสังหาฯ ราคาถูก [กว่าสี่ล้าน] คือคนที่จริงๆ แล้วยังไม่พร้อมจะซื้อเลยต่างหาก”
และโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนใจไปซื้ออย่างอื่นที่ “จำเป็นกว่า” มีสูง, แทนที่จะทุ่มเงินก้อนใหญ่จมไปกับบ้านหนึ่งหลัง
ตรงกันข้ามกับอสังหาฯ ราคาห้าล้านถึงสิบล้านขึ้นไป, คนที่จะซื้อมันคือ “คนที่มีเงินเหลือๆ แล้ว”
และจำนวน Real Estate, โดยเฉพาะ Condo ที่ราคาหนึ่งถึงสองสามล้านในตลาดก็มีมากเกินไป
แต่กลุ่มเป้าหมายของมันคือกลุ่มที่เริ่ม “ไม่ไหว” แล้วกับเศรษฐกิจตอนนี้, หรือไม่ก็คิดว่า “ถือเงินสดไว้ดีกว่า”
อสังหาฯ ที่ราคาต่ำกว่าสี่ห้าล้านจึง “ชะงัก” อย่างหนัก, ทั้งในแง่ซื้อขายและในแง่ปล่อยเช่าเพื่อการลงทุน
สิ่งที่เพื่อนคนนี้พูดมาอาจไม่ใช่ “ทั้งหมด” แต่ในฐานะที่ผมเองก็มีอสังหาฯ หลายแห่ง [อย่าลืมจ่ายภาษี, ปีนี้คุณสรรพากรโหด] ก็เห็นด้วยอย่างมากว่า “ตึกที่ราคาแพงกว่ากลับปล่อยเช่าง่าย” เพราะเราเอาสินค้าเกรดดีไปขายให้คนที่มีเงินในมือ
ดีกว่าไปตื๊อขายคนที่จริงๆ ไม่มีตังค์, สุดท้ายก็จบลงด้วยการฆ่ากันที่เรียกว่า “การตัดราคา”