Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
วันก่อนผมเขียน Blog ถึง BMW Motorrad ที่เพิ่งประกาศเลหลังไป [ทั้งที่เพิ่งซื้อได้สองเดือน], หนึ่งในคนที่ติดต่อมา [และต่อราคามหาโหด] ก็คือ “นักจับ BigBike” ที่ตอนนี้รายได้รุ่งพุ่งแรงสวนกระแสเศรษฐกิจเพราะเขาเน้น “ซื้อจากคนที่ผ่อนไม่ไหว”
แปลง่ายๆ ก็คือ “ยิ่งเศรษฐกิจบรรลัย, ยิ่งหาของได้ในต้นทุนที่ต่ำลง”
และก็เผอิญผมมี “นัด How to be Blogger แบบส่วนตัว” กับเจ้าของธุรกิจ SMEs ไม่ต่ำกว่าร้อยสายตั้งแต่ต้นปี
มีหลายธุรกิจที่ยังไปได้ดีสวนกระแส, คล้ายกับนักจับ BigBike ที่ว่าฯ และหนึ่งในนั้นก็คือ…
“ทุกสรรพสิ่งที่เกี่ยวกับภาษาจีน“
เพราะเรากำลังกลัวจีนจนตัวสั่น
ผมเองก็ยังคิดๆ จะเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมด้วยเหมือนกัน [แต่เน้น Conversation & Business] ทั้งที่จริงๆ ก็ยังนึกไม่ออกหรอกว่าเรียนไปแล้วจะได้ใช้หรือไม่, แต่มันมี “ความกังวล” ที่เป็นเหมือนหมอกปกคลุมในใจว่า “เรียนภาษาจีนไว้ก็น่าจะดี”
และไม่ใช่แค่คนวัยสามสิบ / เจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหาร, อีกหนึ่งตลาดที่ “โตมาก” ในมุมของเขาก็คือ
“ภาษาจีนสำหรับเด็ก”
ทั้งในรูปแบบของ Class เรียน, หนังสือไปจนถึงสื่อต่างๆ ทั้ง Online & Offline อย่าง Facebook / YouTube / Video
ยิ่งมีข่าวแย่ๆ จากจีนที่มีผลกระทบต่อไทยหนักขึ้นเท่าไร, เช่นข่าวที่รัฐบาล “อนุมัติ” ให้จีน [Alibaba] เข้ามาตั้งศูนย์กระจายสินค้าขนาดยักษ์ใหญ่ในไทยโดยไม่ต้องจ่ายภาษีก็ยิ่งทำให้ “คนเป็นพ่อเป็นแม่” อยากหาที่เรียนภาษาจีนให้ลูกตั้งแต่เล็กๆ
ถ้า “นักจับ BigBike” หากินจากคนที่ผ่อนไม่ไหว
เรียกว่าการสอนภาษาจีนก็สร้างรายได้เพิ่มจาก “ความกลัวในใจ”
ยิ่งสภาพเศรษฐกิจเลวร้ายเท่าไร, คนก็ยิ่งอยากได้ “ความมั่นคง”
รวมทั้งทิศทางของโลกที่ “คนฐานะดีมักจะมีลูกน้อยลง”
บางคนมองว่า “ธุรกิจโรงเรียนจะเริ่มมีปัญหา” เพราะมีเด็กสมัครลดลงตามไปแต่ความจริงมันมี “มุมตรงข้าม”, การที่พ่อแม่มีลูกเพียงหนึ่งจะยิ่งทำให้พวกเขา “ทุ่มเต็มพิกัด” โดยเลือก “สิ่งที่ดีที่สุด” ซึ่งถ้า Class ใดดูแล้ว “การันตีอนาคต” ให้ลูกได้…
แม้จะแพงแค่ไหน, พ่อแม่ก็ยินดีที่จะส่งไปเรียน
นี่เป็นทิศทางการตลาดที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย, แต่เป็นกันทั้งโลก [โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ที่ China Mainland]
อย่างคุณพี่สาวผมที่เพิ่งมีลูกคนแรก, ต้องส่งไปเรียนว่ายน้ำกับครูต่างชาติตั้งแต่ยังไม่ทันถึงขวบหรือคุณเพื่อนผมอีกคนที่เคยอยู่ USA ก็ถึงขั้นต้อง “สั่งรถเข็นเด็ก” เข้ามาจาก Scandinavia เพราะกลัวใช้รถเข็นจีนแล้วลูกจะติดพิษโลหะหนัก !!!
จากเดิมที่ต้องให้ลูกเรียน “สองภาษา” ก็เพิ่มเป็น “สามภาษา”, ซึ่งก็ไม่พ้น “ภาษาอังกฤษ” และ “ภาษาจีน”
[อาจฟังดู “สาหัส” และ “ยัดเยียด” แต่จะว่าไป, Singaporean ส่วนใหญ่ก็พูดได้สามภาษาเป็นธรรมดา]
เพราะโลกต่อจากนี้จะยิ่งมีแต่การแข่งขัน, และมันจะหนักขึ้นทุกวัน
หนึ่งในสถาบันจีนที่ผมรู้จักจึงเริ่มสร้าง Class ใหม่แบบ “Tailor Made”, ปรับให้เข้ากับเด็กแต่ละคน
ผลคือรายได้ที่เพิ่มขึ้นถล่มทลายเพราะยิ่ง Xi ตีกับ Trump เท่าไร, ก็ยิ่งทำให้ความกังวลในใจพ่อแม่เพิ่มขึ้นทุกวันนั่นแลฯ
Update : เห็นหลายคนสนใจ, ไว้เดี๋ยวจะมาเพิ่ม “ธุรกิจที่สาม” ที่รายได้พุ่งสวนทิศทางเศรษฐกิจเลวร้ายอีกอันครับ