Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Blog นี้ยังคงเขียนที่ Manila, ทีแรกว่าจะลองหา “PagPag” กินตามคำแนะนำ [?] ของ BBC แต่กลัวตาย
เมื่อสักครู่, ผมเพิ่งจะเขียน Blog เรื่อง “Vietnam ขี้โกงทั้งแผ่นดินแต่เทียบ Philippines ไม่ได้เลย…” ไปและระหว่างที่นั่งเขียนอยู่ใน Ninoy Aquino Airport ก็มีฝรั่งคนหนึ่งเดินถือ Macbook มาถามผมว่า “ตรงนี้นั่งได้ฟรีแบบฟรีจริงๆ รึเปล่า ?”
[มันเป็นเก้าอี้ไม้ในสนามบิน, กับป้ายเล็กๆ เขียนว่า “Exclusive for Laptop Users” พร้อมปลั๊กไฟ]
หลังจากทักทายกันสองที, เขาก็บอกว่า “จะหนีกลับประเทศแล้ว” เพราะ “ทนความขี้โกงของคนที่นี่ไม่ไหวจริงๆ”
และที่เขาต้องถามผมว่า “มันนั่งได้ฟรีจริงๆ ไหม ?” ก็เพราะกลัวว่านั่งไปสักพักจะโดนใครสักคนมาล็อคตัวเรียกตังค์ !
Philippines & Vietnam กำลังตามหลังไทยมาติดๆ จริงรึเปล่า ?
จริงๆ การบินรอบนี้, ผมมาประชุมงานที่ Tokyo โดยที่จริงๆ [ย้ำ “จริงๆ” หลายทีจะได้รู้ว่ามันจริงๆ แบบจริงจริ๊งจริง] ไม่ต้องต่อเครื่องที่ Philippines ก็ได้แต่ผมก็ “เลือกจะแวะ Cebu & Manila” ด้วยความตั้งใจของตัวเองเพราะอยากเห็นกับตา
ว่า Philippines กำลัง “ไล่หลังเรามาติดๆ” จริงไหม ?
เหมือนตอนไปดูงานที่ Vietnam เมื่อปีก่อน, ผมก็เลือกที่จะ “อยู่ต่อ” เองแบบ Backpacker
แต่ไม่ได้เที่ยว “เมืองเก่า” แบบคนส่วนใหญ่, สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ “เมืองใหม่” ว่า Hanoi ไปถึงไหน ?
[ไม่อยากเป็นเหมือนฝรั่งบางจำพวกที่วันๆ นั่งอยู่แต่ “ถนนข้าวสาร”, แล้วบอกว่ากรุงเทพฯ ไม่มีตึกระฟ้า]
และผมก็อยาก “คุย” กับทั้งคนท้องถิ่นทั้ง Expat, ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับ 2 ประเทศนี้เมื่อเทียบกับเมืองไทย
Vietnam & Philippines ยังห่างไกล [และจะยิ่งไกลขึ้นทุกวัน]
คือความเห็นส่วนใหญ่ของ “คนนอก” ที่ “มองเข้ามา”, โดยเฉพาะจากพวก Expats ชาวต่างชาติ
ในช่วงปีสองปี [สามปีสี่ปี] ที่ผ่านมา, ผมรู้สึกว่าเราสร้างกระแสว่า “Vietnam & Philippines กำลังจะมาไล่ฆ่าเมืองไทย” มากเกินจริงไปหน่อย [แต่ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเช่นกันและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึง Backpack มาสองประเทศนี้นี่แลฯ]
ประโยคหนึ่งซึ่งชัดเจนมากจากปากฝรั่งแถวนี้ก็คือ “แล้ว You คิดว่าไทยจะมีวันไล่ตามญี่ปุ่นทันรึเปล่าละ ?”
ถ้าคำตอบคือ “ไม่”
การไล่ตามหลังเมืองไทยของ Philippines & Vietnam ก็เหมือนกัน
เหตุผลไม่ใช่แค่ “GDP” หรือตัวเลขทางเศรษฐกิจ
แต่สิ่งที่ไทยมีเหนือกว่าเพื่อนบ้านอย่างมากในตอนนี้คือ “Transportation & Infrastructure” หรือเปรียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เหมือนญี่ปุ่นที่มี “ระบบขนส่ง” ทั้งขนมวลชนทั้งขนสินค้าที่ดีกว่า, จึงยิ่ง “ต่อยอด” ให้ธุรกิจไปได้ไกลและง่ายขึ้น
ซึ่ง Vietnam & Philippines ยังไม่มีสิ่งที่ว่า, ถ้าเทียบกับเมืองไทย
ไม่มีถนนใหญ่, ไม่มีระบบรางคุณภาพสูงและไม่มี Airport ที่พร้อมจะรองรับความเจริญ
เหมือน “คอขวด” ที่ตัน, ซึ่งไม่มีวันจะไล่กันทันในช่วงเวลาสิบปี
เหมือนที่ไทยไม่มีวันไล่ตามญี่ปุ่นได้ [ยกเว้นแต่จะเกิดแผ่นดินไหวระดับ Magnitude 1000 จน Tokyo ล่มสลายหรืออาจต้องระดับที่มีอุกกาบาตถล่มโลกจนญี่ปุ่นจมไปทั้งประเทศถึงจะไล่ทัน] เพราะว่า “ระยะห่าง” มันต่างกันเกินไปแล้วนั่นเอง
และยิ่งวัน, ระยะห่างที่ว่าก็จะยิ่งต่างกันมากขึ้น
เหมือนคนสองคนที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานพร้อมกัน
แต่คนหนึ่งมีพร้อมแล้วทั้งการศึกษา / ฐานะและ Connections
ยิ่งวันเวลาผ่าน, ก็จะยิ่งเห็น “ความต่าง” มากขึ้นเรื่อยๆ
และการพัฒนาประเทศก็ต่างจากชีวิตของคนเรา, คือมันไม่มีลูก “Fluke”
ไม่มีการที่อยู่ดีๆ จะบังเอิญมีสนามบินหล่นลงมาจากฟ้าหรือว่ามีรถไฟความเร็วสูงโผล่ขึ้นมาจากท่อ
และที่สำคัญ, ไม่มีวันที่คุณภาพประชากรจะพัฒนาได้ในชั่วข้ามคืน
ผมคือคนหนึ่งที่ “ด่าประเทศตัวเอง” บ่อย, ส่วนหนึ่งอาจเพราะงานก่อนหน้านี้คือการบินไป Tokyo / London / New York แต่ในชีวิตไม่เคยไปประเทศที่ “ด้อยพัฒนากว่า” เราแม้แต่ครั้งเดียว [ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เคยไปลาว / พม่าหรือว่า Cambodia]
ลึกลงไปในใจ, ผมอาจรู้สึกว่า “เมืองไทยสิ้นหวัง” เพราะเราไม่มีวันเป็นได้อย่าง Germany หรือญี่ปุ่นและยิ่งวันก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นเมื่อได้ยินสารพัดสื่อย้ำว่า “Philippines & Vietnam กำลังไล่ตามมาติดๆ” ทั้งที่ความจริงยังห่างไกลจากจุดนั้นมาก
ผมอยากยืนยันว่าเรายังไปได้อีกไกล, และอย่าตัดกำลังใจกันเอง…