Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
1. เพิ่งสังเกตว่าสาขาในไทยชื่อ “Don Don Donki”, ไม่ใช่ “Donkihote [ドンキホーテ]” แบบที่ญี่ปุ่น
2. ซึ่งจริงๆ คำว่า Donkihote ก็มาจากภาษาเสปญที่ว่า “Don Quixote” ซึ่งเป็นชื่อของตัวละคอนในวรรณกรรมอมตะของโลกเรื่องหนึ่ง [เป็นอะไรที่ “Japan Only” มากๆ กับการเอา Penguin ติงต๊องมาเป็น Mascot, แต่ผมก็ช๊อบชอบเจ้า Penguin ตัวนี้สุดๆ]
3. และไทยก็เป็นประเทศที่สองต่อจาก Singapore, ที่มี Donkihote เข้ามาเปิดอย่างเป็นทางการ
4. จริงๆ มี Hawaii ด้วย, แต่ประเทศนั้นมันก็เหมือน “ญี่ปุ่นแห่งที่สอง” อยู่แล้วละนะ
5. สำหรับสาขาบ้านเรา, ตัวห้างยกมาจากญี่ปุ่นแต่บรรยากาศด้านหน้าเป็นแบบ India
6. รถกดแตรแช่กันแป๊นๆ ตลอดเวลาเพราะถนนทั้งสองเลนถูกยึดเพื่อใช้เป็นทางเลี้ยวเข้า Donki Mall
7. ทั้งที่จริงๆ ควรจะเป็นแค่เลนซ้าย
8. แต่เพราะรถเลนถัดไปก็วิ่งมา “ปาด” ตรงทางเข้าที่จอดตลอด, แล้วก็ติดคากันอยู่อย่างนั้น
9. พอเลนซ้ายไม่ให้เข้า [และจริงๆ เลนซ้ายก็เข้าไม่ได้เพราะที่จอดรถข้างในตึก Don Don Donki มันก็เต็มยิ่งกว่าเต็มจนวนเข้าไปก็ “ตายสนิท” อยู่ดี] ผลคือเลนสองก็เลี้ยวเข้าไม่ได้เช่นกัน, ทุกคันที่อยู่ด้านหลังก็ติดแหงกยาวไปจนถึงปากซอยเอกมัย
10. Okay, แม้คนส่วนใหญ่จะเรียกห้างนี้ว่า “ดองกี้ทองหล่อ [Donki Mall Thonglor]” แต่จริงๆ มันอยู่ฝั่งเอกมัย
11. และตอนผมไป, ก็มีรถของ “ผู้ยิ่งใหญ่” จากไหนไม่รู้สักท่านที่จอดกระพริบไฟจอดมันดื้อๆ หน้าห้าง ψ(`∇´)ψ
12. คันหลังคงอยากกดแตรด่าแต่ก็ไม่กล้าเพราะทะเบียนรถคันที่ว่าฯ มันเป็น “เลขเดียวกัน 4 ตัว”
13. อุตส่าห์ยกห้างมาจากประเทศโลกที่หนึ่งแต่พฤติกรรมยังคงเป็นแบบประเทศโลกที่สาม
14. ยังดีที่ Penguin ยังคงหน้าตาติงต๊องเหมือนเดิม [ชอบมาก]
15. คนข้างในก็ประมาณล้านเจ็ด, การเดินดูของสบายๆ ทำไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนโดนกดดันให้เดินตลอดเวลา
16. สิ่งที่ดีสุดๆ คือถั่วหมัก [Nattou] ลดราคาเหลือ Pack ละ 39 บาท, เท่ากับ 137 Yen ψ`ー´)ノ
17. อยากจะยกกลับทั้งตู้แต่พอเห็นคิวที่ Cashier, คงต้องปล่อยมันหมักต่อไป
18. ส่วนตัวผม “คิดต่าง” นิดหน่อยเรื่องสินค้าจากญี่ปุ่น, คือมัน “ไม่ได้เยอะเท่าไร” อย่างที่คาดหวังไว้
19. รวมๆ ก็เหมือนเอา Product ที่เห็นทั่วๆ ไปใน Villa Market / Tops Supermarket / Gourmet Market / Tsuruha / Matsumotokiyoshi มาวางรวมๆ กัน [เข้าใจว่าคนนำเข้าก็คือ “เจ้าเดียวกัน” แล้วมากระจายสินค้าให้ห้างต่างๆ นั่นแลฯ]
20. ราคาก็ไม่ต่างเช่นกัน, คงเพราะมันกำหนดโดย “ผู้นำเข้า” ที่ว่าฯ
21. บางอย่างอาจแพงกว่านิดหน่อยหรือถูกกว่าเล็กน้อย, บวกลบสัก 10%
22. เหล้าญี่ปุ่นพวก Umeshu / Sake / Shochu แพงโคตรพ่อ [ซึ่งก็พอๆ กับที่ขายใน Villa Market อีกนั่นแลฯ]
23. และเครื่องดื่มของมึนเมาทั้งหมดก็ขายตามเวลากฏหมายไทย, แน่นอนว่าไม่มี Sex Toy จำหน่ายที่ Donki TH
24. กลับมาเรื่องเดิม, ที่จอดรถของ Don Don Donki & Donki Mall Thonglor ใช้รวมกันแค่ 300 คัน
25. เผื่อใครงง, Don Don Donki คือชื่อ “ร้านขายสารพัดสิ่ง” แต่ตัวห้างทั้งหมดชื่อ “Donki Mall Thonglor” ซึ่งประกอบด้วย “Don Don Donki” สองชั้นและร้านอื่นๆ เช่น Cafe Amazon / Owndays [ร้านตัดแว่นจากญี่ปุ่น] / Manekineko [Karaoke]
26. ชั้นสามและชั้นสี่เป็นร้านอาหาร, ยอมรับว่าเกือบทั้งหมดยกมาจากญี่ปุ่นจริงๆ (メ`ロ´)/!
[Nagiya Izakaya ร้านโปรดผมก็มี, นี่ก็มาจาก Tokyo จริงๆ เหมือนกันแต่สาขาที่ญี่ปุ่นเล็กยิ่งกว่าเพิงข้าวหมู]
27. น่าจะมีแค่ Zen ที่เป็นร้านของเครือ Central บ้านเรา, และก็เป็นร้านที่คนเยอะสุด !
28. อุตส่าห์มาถึง Don Don Donki, ทานร้านที่มันมาจากญี่ปุ่นจริงๆ บ้างก็ดีนะ (ノ-_-)ノ~┻━┻
29. กลับมาเรื่องที่จอดรถ [เรื่องใหญ่], ค่าจอดรถที่นี่ชั่วโมงละ 50 บาท
30. แต่ถ้าหลังสี่ทุ่ม, จะกลายเป็นชั่วโมงละร้อย !
31. เหมือนจะโหดแต่เอาจริงๆ ไม่มีใครเกิน J Avenue, หลังเที่ยงคืนชั่วโมงละ 500 บาท [โดนมาแล้ว…]
32. ที่โฆษณาว่า “เปิด 24 ชั่วโมง” หมายถึงตัว “Don Don Donki” สองชั้นล่างเท่านั้น, ส่วนพวกร้านอาหารด้านบนของ Donki Mall Thonglor จะเปิดปิดต่างกันไปตามเวลาหากินของแต่ละร้าน [เช่น Nagiya ที่เป็น Izakaya ก็จะเปิดถึงตีหนึ่ง]
33. ใครที่อยาก “เดิน” มา Donki Mall จาก BTS ทองหล่อ, ก็ 1.7 Km
34. แต่ถ้าเดินมาจาก BTS เอกมัยจะแค่ 1.4 Km
35. หรืออีกวิธีที่ [น่าจะ] เข้าท่ากว่าก็คือจอดรถตรง BigC [Ekkamai Soi 6] แล้วเดินต่อไป Donki อีกทีในระยะ 400 m [6 นาที] เพราะวันก่อนผมก็ทำแบบนี้, ทาน Aji Douraku ร้านประจำแล้วก็จอดรถทิ้งไว้ [จอดฟรีสามชั่วโมงเมื่อมีตราประทับ]
36. หม่ำ Lunch Set & เดิน Shopping ที่ Don Don Donki, รวมกันสามชั่วโมงพอดี
37. เสียเงินไป “ศูนย์บาทถ้วน” เพราะไม่มีปัญญา [ต่อคิว] จ่ายตังค์ (ó﹏ò。)
38. แต่รวมๆ ก็ต้องบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่มาเดิน Don Don Donki เองก็เริ่มดูเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว, คือมีการต่อคิวเป็นระเบียบเรียบร้อยแม้จะยังไม่มีการ “เว้นช่องว่างให้คนเดินผ่าน” เหมือนญี่ปุ่นก็ตาม [ซึ่งจริงๆ ก็คงไม่หวังขนาดนั้น]
39. ร้านชาเขียวที่ชื่อ Nana’s GreenTea ก็เป็นอีกหนึ่งร้านประจำของผมที่ญี่ปุ่น
40. ชาเขียวที่นี่ “เข้มข้นสุดๆ [เมื่อเทียบกับร้านในกลุ่ม Chain & Franchise]”
41. แต่คนที่นั่งทานในร้านได้ต้องมีจิตใจเข้มแข็งมาก, เพราะจะมีลูกค้าโต๊ะต่อไปยืนกดดันคุณอยู่ตลอด
42. เสียใจที่ Nana’s Green Tea Thailand ไม่มี Menu อาหาร [แนะนำ “Tacos Rice” ถ้าใครไปทานที่ญี่ปุ่น]
43. ซาบซึ้งใจกับบรรยากาศแบบชาว Tokyo ได้แค่ห้านาทีแต่พอเดินออกจาก Nana’s GreenTea [ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของ Donki Mall] ก็กลับสู่สภาพ India, สิ่งแรกที่ดังกรอกหูเข้ามาก็คือ “เสียงแตร” และเสียงวินมอ’ไซค์ตะโกนด่ารถคันหน้า
44. อุตส่าห์ยกห้างมาตั้งไกลแต่พฤติกรรมก็ยังไทยๆ และด้อยพัฒนาเหมือนเดิม
ปล. แต่สังเกตว่าถ้ารถคันหน้าเป็นทะเบียนเลขเรียงกัน 4 ตัวจะไม่มีคนกดแตรด่า, ไม่รู้ทำไม (#´ー´)旦