Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Update 14 Feb 2016 : ที่จริงเดี๋ยวนี้ “การไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์” นี่, มีงบสักหมื่นห้าก็สามารถแล้ว !
พรุ่งนี้ผมก็มีประชุมงานใน Hokkaido, พักหลังๆ มานี่ผมก็มีต้องบินไปญี่ปุ่นเองปีละ 4 – 6 ครั้ง
ยิ่งปัจจุบัน, คนไทยเราไปญี่ปุนได้ทันทีโดยไม่ต้องมี Visa [สามารถอยู่ได้จริง “รอบละ 16 วัน“]
ปีที่แล้วก็บินไปลง Fukuoka ทางตะวันตกของญี่ปุ่นแล้วข้ามเรือไป Busan ของเกาหลีก่อนจะขึ้นรถไฟไป Russia, ก่อนหน้านั้นก็มีเขียน Blog ว่าด้วยวิธีหิ้ว iPhone 6S และมือถือญี่ปุ่นแท้ๆ อย่าง Fujitsu Arrows [Made in Japan]
ผมว่าการไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ง้อทัวร์, เน้น Tokyo ในงบถูกสุด 15000 – 20000 บาทไทยเป็นไปได้ไม่ยากเลย !
ก่อนอื่นใดก็ขอแจ้งไว้นิด, ผมเคยได้ตั๋ว Super Deal ของ TG บินไปกลับเกาหลีรวมทุกอย่าง 6 พันบาทและก็เคยได้ตั๋ว First Route to Norway ของ Qatar Airways ไปกลับกรุง Oslo รวมภาษีแล้วที่ราคา 11000 บาท !
แต่ Promotion พวกนี้มักจะเป็นแนว “ซื้อปุ๊บบินปั๊บ [Last Minute]”, ไม่ก็บินเวลาประหลาดๆ ที่มนุษย์โลกปรกติบินไม่ได้
หรืออย่าง Promotion ของ HIS เมื่อปี 2015 ที่ว่า “ไปกลับญี่ปุ่น 8 พัน” แต่ต้องฆ่ากันตายเพราะมีวันละ 5 ใบ
ตั๋วอะไรพวกนี้, ผมขอข้ามไป… [แต่ถ้าใครหาได้ก็ยินดีด้วยนะครับ :)]
แต่จะขอพูดถึง การบินไปญี่ปุ่นราคาถูกในงบ 15000 – 20000 บาทไทยแบบที่ “คนธรรมดา” สามารถทำตามง่ายๆ
แม้แต่ช่วง Super High Season ประจำปีอย่าง Sakura เดือน 4 ก็ยังไหว
สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งมวลในการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็มีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน
1. บินไปญี่ปุ่นแบบต่อเครื่อง, ราคาถูกกว่า [จงลืมมันไปด้วย Update ใหม่ด้านล่าง !]
ปรกติการบินไทยบินตรงลง Tokyo มักจะราคารวมทุกอย่าง [ค่าน้ำมัน + ภาษีสนามบิน] ตกราว 22000 บาท
แต่มี Airlines มากมายที่บินจากไทยไป “ต่อเครื่องในประเทศที่ 3” ก่อน, เช่น Cathay Pacific ต่อเครื่อง HK หรือ Air Asia ที่ต่อเครื่อง Malaysia และ Air Macau [ก็ต่อที่ Macau] กับ Air China ก็ต่อที่จีนแผ่นดินใหญ่…
ผมชอบบินกับ Cathay Pacific ตรงที่ราคารวมทุกอย่างแค่ 16xxx บาทและได้แวะ Shopping ที่ HK
ถ้าหาตั๋วดีๆ ก็จะใช้เวลาต่อเครื่องน้อย, ไปญี่ปุ่นล่าสุด ผมต่อเครื่องแค่ 90 นาที รวมเวลา 8 ชั่วโมงถึง Haneda !
[ถ้าบินตรงกับ TG จะใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถือว่าไม่ต่างกันนัก]
แต่รอบก่อน ผมเลือก Flight ที่ต่อเครื่องใน HK นาน 23 hr, แล้วออกไปเที่ยว Hong Kong ด้วย [ไม่ต้องมี Visa เช่นกัน]
อย่างภาพข้างบนจะเห็นว่า Cathay Pacific บินไปลง Haneda Airport ด้วย, ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้กรุง Tokyo มากกว่า Narita Airport [Haneda นั่งรถไฟสายเดียวถึง Asakusa ในเวลา 33 นาทีแต่ถ้านั่งจาก Narita ต้องเกินชั่วโมง]
และค่ารถไฟจาก Haneda ถึง Asakusa ก็แค่ 600 Yen [200 บาท] ซึ่งก็ถูกกว่านั่งจาก Narita เข้าเมือง !
ดังนั้น รวมค่าตั๋วไปกลับและค่ารถไฟเข้า Tokyo, เอาแบบถูกสุดแค่ไม่อนาถาก็แค่ 14000 บาท
ปรกติผมใช้ CheapTicket & SkyScanner ในการค้นหาและจองตั๋ว
เราแค่กำหนดจุดหมายปลายทางและวันเวลาที่จะไป, มันจะ Search ทุก Airline ในโลกให้เราทันที
สำหรับการต่อเครื่องในเวลาไม่เกิน 24 Hr, ไม่ต้องทำเรื่องขอเข้าประเทศที่แวะ
และกระเป๋าก็จะถูกส่งตรงไปรับที่ญี่ปุ่นโดยที่เราไม่ต้องยุ่งอะไรกับมันในประเทศที่ต่อเครื่องเลย
[Update 2016 : เรื่องตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นในข้อ 1, ปัจจุบันเรามีสายการบิน Low Cost & Full Service มากมายที่หันมาเปิด Flight บินตรงลง Tokyo และเมืองอื่นๆ ในราคาหลักพันบาทโดยสามารถจองได้ง่ายๆ เพราะมันมีการแข่งขันสูง]
แนะนำให้อ่าน Blog ใหม่ของต้นปี 2016 ว่าด้วย…
“7 สายการบินของคนที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองราคาถูกสุดๆ !“
อย่างตอนสิ้นปี 2015, ผมซื้อตั๋วบินตรงไปลง Fukuoka ทางตะวันตกด้วยราคาขาละ 3 พันบาทนิดๆ เท่านั้น !
[ที่ซื้อตั๋วขาเดียวเพราะผมตั้งใจข้ามเรือไปเกาหลี / Russia แล้วนั่งรถไฟไป Moscow, บินกลับไทยจากเมืองนี้]
ใครที่อยากจะลอง Backpack เที่ยวญี่ปุ่นเองในราคาถูกๆ, ก็ลองดู AirAsia & JetStar เป็นหลักไว้
เมื่อใดที่เรา “ลดค่าตั๋วเครื่องบิน” ลงได้ไม่ถึง 8 พัน, การเที่ยวญี่ปุ่น 7 วันในงบหมื่นห้าจะทำได้สบายๆ
2. Hostel & Capsule Hotel มากมายในญี่ปุ่นคืนละ 5 ร้อยบาท !
ผมนอน Hostel ครั้งแรกที่ Singapore, ตอนไป Free Hug
ยิ่งประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว, กระทั่งตอนที่ผมบินมาหิ้ว iPhone 6S ในปี 2015
ผมก็เลือกนอนใน Capsule Hotel ชื่อว่า “Oak Hostel Cabin” ใกล้ Ginza ในราคาคืนละ 700 บาท
[แต่ถ้าช่วงไหนมาพักแถว Ueno ใกล้กับที่ทำงานของคุณน้องสาวผมใน Tokyo, ก็จะเลือกพักใน “1980 Yen Capsule Hotel” หรือไม่ก็ “Capsule Hotel Sauna Oriental” โดย Capsule Hotel ทั้งสองที่นี้มีราคาไม่ถึง 600 บาทไทย !]
ก่อนจะ Backpack เอง, ผมมีภาพว่าคนจนเท่านั้นที่นอน Hostel
ช่างน่าสังเวชเหมือน “คนไม่มีเงินแต่ยังอยากเที่ยว”
แต่แขกใน Hostel เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป, ทุกคนมาพร้อม iPhone 6S & MacBook !
ปัจจุบัน, ผมเลยกลายเป็นคนที่ชอบนอน Hostel มากเพราะมันสนุกกว่าการนอนคนเดียวในโรงแรม…
ถ้าใครอยากลดงบให้ต่ำสุดๆ, ก็แนะนำให้ใช้เวลานิดนึงเพื่อหา Hostel ใกล้กับสถานีรถไฟในระยะเดิน
อีก Hostel ที่ผมพักบ่อยๆ เวลาไป Asakusa ก็คือ “Khaosan Original“
คืนละ 2 พันเยน แต่ตั้งอยู่ในทำเลดียิ่งกว่าโรงแรม 5 ดาว, ห่างจาก Asakusa Station แค่ 1 นาทีเดิน !
แต่แน่นอนว่า Hostel, มันต้องนอนในห้อง Dorm แบบที่นอนกับใครไม่รู้หลายๆ เตียง…
ตรงนี้มี Trick, เพราะคนส่วนใหญ่คงไม่เหมือนผมตรงที่เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นก็อยากจะไปกันกับเพื่อนๆ รวม 3 – 4 คน ดังนั้น เราสามารถ Mail ขอทาง Hostel ว่า “จองห้องเดียว 4 เตียงนอนด้วยกันสี่คนได้ไหม ?” ในงบคนละ 500 บาท !
สรุปว่าเราก็จะมีที่พัก 4 คืนในราคา 2000 บาท, รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับอีก 6 – 7 พันก็ยังไม่ถึงหมื่นบาทไทย…
3. ไปญี่ปุ่นทั้งที ต้องกินแบบคน Local, ทั้งอร่อยและถูกกว่าร้านนักท่องเที่ยว !
คิดอย่างไรถ้าเห็นฝรั่งมาไทยแล้วนั่งแต่ McDonald’s หรือกินแต่ “ผัดไทยในโรงแรม” ซึ่งไม่อร่อยเลย ?
เช่นกัน, การที่เราไปญี่ปุ่นกับทัวร์ก็มักจะได้ทานร้านที่ทางบริษัทมีส่วนแบ่งหัวคิว
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ปรับรสให้คนไทยกินได้, มาพร้อมพริกน้ำปลาครบชุด
[ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน, แต่ผมไม่ค่อยชอบถ้าเห็นฝรั่งเข้าร้านส้มตำแล้วเทซอสมะเขือใส่…]
หรืออย่างร้าน Sushi จานหมุนชื่อ “Zanmai” ก็เป็นอีกร้านที่ผมว่าวัตถุดิบไม่ค่อยดี [แต่คนไทยชอบไปทานกันก็คงเพราะมันมีภาษาอังกฤษ] และก็แน่นอน, ร้านที่มี Menu ภาษาอังกฤษย่อมมีสิทธิบวกราคาแพงขึ้นพันสองพันเยน !
แต่ถ้ากินแบบคนญี่ปุ่น Local จริงๆ, อาหารประจำันก็มักจะเป็น Soba / Udon / Ramen ซึ่งราคาแค่ 500 – 700 Yen
และเรายังจะได้ประสบการณ์แบบคนญี่ปุ่นจริงๆ, ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบมากกว่า
[พักหลังมานี้ผมจึงเริ่มนอนใน “AirBNB” ที่เป็นการเช่าห้องของคนท้องถิ่นโดยตรง, ตื่นมาก็ทานข้าวแบบคน Local แล้วก็กลับมานั่งดื่มเบียร์กันตอนค่ำๆ เพื่อคุยกันเรื่องนั่นโน่นนี่เกี่ยวกับประเทศของเขาและเรา]
การได้ยืนทำหน้างงๆ หน้าตู้กด Ramen จนมีคนญี่ปุ่นต้องเข้ามาช่วย…
หรือตอนเช้าๆ, ต่อคิวในร้านกาแฟ Doutor สั่ง Americano กับ Sandwich ข้างๆ สาว Tokyo ก็เป็นเสน่ห์ของเมือง
ถ้าช่วงไหนที่เราเดินทางขึ้นรถไฟ, ก็อาจแวะ Family Mart ซื้อข้าวปั้นสามเหลี่ยมไปนั่งทานในสวนสาธารณะ
งบวันละ 6xx บาท [2500 Yen] สบายๆ, รวม 5 วันก็ 3000 บาทได้
เท่ากับว่ารวมค่าตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก 4 คืน + อาหาร 5 วัน, คิดออกมาก็ยังไม่ถึง 15000 บาทไทย !
4. การเดินเท้าทำให้สุขภาพดี มีอะไรแปลกใหม่ให้มอง
เวลาไป Backpack ผมมักจะเอารองเท้าผ้าใบคู่ที่ใส่สบายไป
ส่วนตัวผมเป็นคนชอบเดินและยิ่งเวลาไปเมืองนอกโดยเฉพาะฝั่ง Europe, ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบอะไรหรือไม่ได้ไกลมากนักก็จะไม่ขึ้นรถไฟเพราะไม่อยากเอาตัวไปอัดอยู่ในกล่องเหล็กเหลี่ยมๆ วิ่งบนรางมืดๆ โดยไม่ได้เห็นการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่น
อย่าง Asakusa, ก็สามารถเดินไป Tokyo SkyTree ได้ฟรี ในระยะทางแค่กิโลกว่าๆ
มองซ้ายขวาก็จะเห็นตู้กดน้ำอัตโนมัติ, เห็นทางม้าลายที่รถหยุดให้คนก่อนเสมอและเห็นร้านน่าอร่อยเพียบ
ของเหล่านี้ไม่เจอเวลาไปกับทัวร์, เพราะทุกคนจะมัวยุ่งกับการถ่ายรูปแล้วก็ถูกต้อนขึ้น Bus
ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับคนในชาติที่เราไปเลย…
ผมชอบการเดินช้าๆ และใช้เวลาอยู่ในพื้นที่หนึ่งๆ ให้นานๆ เพื่อซึมซับสิ่งที่ท้องถิ่นนั้นเป็นจริงๆ
คนไทยบางคนบอกว่า “เบื่อวัด Asakusa แล้ว !”
แต่คนที่พูดนี่, ผมเชื่อว่าไม่เคยเห็น Asakusa ยามค่ำที่จะมีสาวๆ ชุด Kimono ออกมาเดินเล่น / ไม่เคยรู้ว่าร้าน Tempura ดังที่เปิดมากว่า 126 ปีแต่ราคาไม่แพงตั้งอยู่ซอยหนึ่งในย่านนี้และไม่รู้ว่าเดินไปอีกนิดมี “สลัมแห่งสุดท้ายของ Tokyo“
แต่ถ้าใครอยากไปให้ทั่ว Tokyo, ก็อาจจะวาง Trip ดีๆ ไป Zone ที่อยู่ใกล้ๆ กันให้จบในวันเดียว
หรือถ้าอยากออกนอกเมืองแบบใกล้ๆ, ก็ไป Yohokama ที่ราคาตั๋วแค่ 600 Yen ก็ได้
การไปที่แปลกใหม่สำหรับผมคือการไปเห็นวิถีชีวิตของคน
ข้อ 4 นี่ไม่จำกัดงบ, แล้วแต่ครับว่าใครชอบอะไร อยากเห็นอะไร ขยันเดินแค่ไหน
Visa ก็ไม่ต้อง, Airline ต่างๆ ก็ออก Promotion ราคาถูกๆ แข่งกันใหญ่
การไปญี่ปุ่น 5 วันในงบหมื่นห้าสามารถทำได้จริงโดยไม่อนาถา
ถ้าใครอยากประหยัดกว่านั้นก็ “แบกมาม่า” ไปด้วย !
[แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบเท่าไร, เพราะถ้าผมเห็นฝรั่งมาไทย ผมก็อยากให้เค้าได้ลองทานอาหารท้องถิ่น]
เพราะในความคิดผม, อาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของ Culture เช่นกัน
เวลาผมไป Backpack จึงใช้ Concept ว่า “บิน Low Cost แต่กิน Full Course !” ตลอด
ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่, บางคนอาจจะอยากนั่งเครื่องบินตรงต่อเดียว / บางคนเหมือนผมคือนอนที่ไหนก็ได้แต่ขอให้ได้ทานอาหารอร่อยๆ ก็พอหรือบางคนเลือกการไปชมวัดและปราสาทโดยไม่ต้องดื่มไม่ต้องกินก็ยังไหว…
งบก็อาจจะเพิ่มเป็น 25000 บาท / 50000 บาทหรือ 3 พันล้านบาทก็แล้วแต่
Blog นี้แค่อยากเป็นแรงบันดาลใจให้ใครที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นได้ลอง, การไปด้วยตัวเองอาจจะทำให้หลงบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่เราก็จะได้สร้าง “เส้นทางของตัวเอง” และมีสิ่งพิเศษที่ประทับใจเก็บกลับมาเมืองไทย ในแบบที่ทัวร์ให้ไม่ได้ครับ :)
One Reply to “เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองในราคาสุดถูกหมื่นห้า : How to 2016 !”
Comments are closed.