Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ประหนึ่งว่าผมเพิ่งจะช่วยโลกใบนี้ให้รอดพ้นจากดาวหาง Armageddon
เพราะวินาทีที่ผมก้าวขึ้นมาบนเครื่องบินลำนั้น, ผู้โดยสารทุกคนเงยหน้าแล้วมองมาเป็นทางเดียว
มันช่างเป็นประสบการณ์ที่ยากจะบรรยาย, เมื่อเราเป็นตัวการทำให้เครื่องบินต้อง Delayed เกือบ 2 ชั่วโมง
แน่นอนครับว่าผมเพิ่งกลับจากการบินไปหิ้ว iPhone 6S Pink Rose Gold สีชมพูที่ญี่ปุ่น แต่เผอิญคราวนี้ไม่ได้ “บินตรง” ทว่า “ต่อเครื่อง” ที่ Taiwan [และก็ไปสร้างวีรกรรมเอาไว้ที่สนามบิน Taipei ทั้งขาไปขากลับ…]
สำหรับใครที่คิดจะ Backpack หรือเที่ยวด้วยตัวเองและสงสัยเรื่อง “ต่อเครื่อง”, ต้องอ่าน Blog นี้ครับ !
[เพราะว่าสมัยเด็กผมยากจน, ตอนนั้นมีภาพในใจว่าคนที่ขึ้นเครื่องบินต้องใส่สูทหรูหราราคาแพงๆ แต่หลังจากหิ้วเป้ Backpack มากกว่า 30 ประเทศก็เริ่มคิดได้ว่า “เครื่องบินมันก็แค่รถทัวร์ที่มีปีกนี่หว่า” และเป็นที่มาของสภาพปัจจุบันครับ…]
“ต่อเครื่อง !”
ปรกติผมเองก็ต่อเครื่องเป็นประจำ, และยังเคย “นอนสนามบิน” ระหว่างรอต่อเครื่องมาแล้วหลายที่
แต่ครั้งนี้พิเศษเพราะ Flight แรกที่ขึ้นจาก Tokyo มัน Delayed ไปชั่วโมงกว่า
และผมมีเวลา “ต่อเครื่อง” ที่ Taipei แค่ 65 นาที !
แน่นอนว่าแค่เครื่องขึ้นจาก Narita Airport, ผมก็รู้ตัวแล้วว่า “ต่อเครื่องไม่ทัน…”
เมื่อเครื่องบินลงจอดอีกครั้งที่สนามบิน Taipei, มันก็เลยเวลาที่เครื่องอีกลำจะบินกลับกรุงเทพฯ ไปเรียบร้อย
การต่อเครื่องมีกี่แบบกันแน่ ?
คนไทยเราใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษในการต่อเครื่องรวมกัน, ทั้ง Transit / Transfer และ Stop Over จึงงง
แต่จริงๆ แล้วมันมีความแตกต่างกันพอสมควร [ซึ่งน่าจะต้องรู้ไว้หาก Backpack ไกลๆ คนเดียว…]
Transit คือ การต่อเครื่องข้ามประเทศโดยที่เราไม่ลงจากเครื่องบินและไม่มีการย้าย Airport
Transfer คือการเปลี่ยนเครื่องบินหรือเปลี่ยนสายการบิน [และอาจเปลี่ยนสนามบิน]
Stop Over คือการต่อเครื่องที่ค่อนข้างนาน, มีการค้างหรือการแวะเข้าประเทศนั้นๆ
แต่การต่อเครื่องยังมีเรื่องของ “วิธีซื้อตั๋ว” ด้วย ว่าเราซื้อ “ตั๋วจาก 2 สายการบิน” [เช่นซื้อ TG ไปลง HK และซื้อ JAL จาก HK ไป Tokyo] หรือว่าซื้อ “ตั๋วสายการบินเดียวกัน” ในหนึ่ง Booking Number [แบบหลังนี้เรียกว่า “Connecting Flight”]
ต่อเครื่องหรือตกเครื่อง !
ทีแรกผมคิดว่า Flight จาก Taipei กลับเมืองไทยไม่น่าจะรอแล้ว เพราะผม Delayed ไปชั่วโมงกว่าๆ [แม้จะรู้ว่าโดยปรกติ, การต่อเครื่องแบบสายการบินเดียวกันที่เรียกว่า “Connecting Flight” นั้นมักจะรอนิดหน่อยก็ตาม…]
ปรากฏว่าพอผมลงแตะพื้นสนามบิน Taipei, ก็มีรถในภาพวิ่งมารับทันที !
พร้อมคุณพนักงาน Ground ภาคพื้นดินมายืนถือป้ายตามหาตัว…
รอเปิดหวอ, วิ่งจาก Gate หนึ่งไปยังอีก Gate หนึ่งแบบด่วนจี๋ !
แน่นอนว่ามีแค่ผมคนเดียวที่เป็นตัวแทนชาวไทยไปก่อเรื่องไว้ที่สนามบิน Taipei…
สุดท้ายก็วิ่งขึ้นเครื่อง, ท่ามกลางสายตามองอย่างหยามเหยียดจากผู้โดยสารกว่าร้อยชีวิตและปัญหาก็ยังไม่จบแค่นี้
เมื่อกระเป๋าหายไปหลังต่อเครื่อง ?
ก็เป็นอีกคำถามที่ Backpacker มือใหม่หลายคนสงสัยว่า “ถ้าเราต้องต่อเครื่อง, รับกระเป๋าที่ไหน ?”
จริงๆ เดาได้ไม่ยาก, หากเราซื้อตั๋วแบบสายการบินเดียวกัน [Connecting Flight] ก็รับทีเดียวที่สนามบินปลายทาง [เช่นผมบินขึ้นจาก Tokyo มาต่อเครื่องที่ Taipei และกลับกรุงเทพฯ ก็มารอที่สายพานในสุวรรณภูมิได้เลย]
แต่ถ้าเราต่อเครื่องแบบ “ซื้อตั๋วแยกกัน”, มันก็ต้องรับกระเป๋าเป็นครั้งๆ ที่ทุกๆ สนามบิน
ปรกติผมก็มักจะแบกเป้ใบใหญ่, ยกเว้นครั้งนี้ที่มีกระเป๋าล้อลากใบเล็กๆ ไว้ใส่ของบางอย่างที่ต้องการกันกระแทก
แต่พอกลับถึงเมืองไทย, ปรากฏว่ากระเป๋าของผมไม่มา…
เดินไปสอบถามจากพนักงานสายการบิน [ในสภาพร่อแร่ใกล้ตาย], ได้ความว่า “กระเป๋ายังอยู่ Taiwan ค่ะ !”
เหตุผลคือ Flight แรกที่บินจาก Tokyo มาถึง Taipei มัน Delayed มากแล้ว, แค่โยนคุณ Cookie ลงมาจากเครื่องบินแล้วเอารถหวอวิ่งไปรับมาต่อเครื่องขึ้น Flight กลับไทยก็สุดความสามารถของทาง Airlines แล้วจริงๆ ดังนั้น…
จึงไม่มีเวลารื้อกระเป๋าใต้เครื่องทัน
“ทางเราจะส่งกระเป๋าตามไปให้ที่บ้านนะคะ !”, พร้อมรอยยิ้มสยาม
และก็เซนต์เอกสารยอมรับพร้อมระบุสีสัน / ขนาด / Design / รายละเอียด
แล้วผมก็เรียก Uber ออกจาก Airport สุวรรณภูมิมาในสภาพ Cookie the Zombie
[ที่ถูกดาวหาง Armageddon ชนตายใน Taipei]
ในที่สุด, วันรุ่งขึ้นก็มีรถบรรทุกมาส่งกระเป๋าใบน้อยให้ผมถึง Starbucks แถวบ้าน
นิทานการต่อเครื่องเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
1. คนที่วิ่งขึ้นเครื่องช้าไป 2 ชั่วโมงและเป็นตัวการทำให้เครื่อง Delayed นั้น, อาจไม่ใช่ต้นตอที่แท้จริง…
2. เขาเป็นแค่เหยื่อตัวน้อยที่ถูก Flight แรกแกล้งมา
3. อย่ามองเขาด้วยสายตาประนามและอย่าปามะเขือเทศใส่
4. จะดีมากหากคุณแอร์ฯ ช่วยผู้ประสบภัยคนนี้ด้วยการย้าย Cookie the Zombie ไปนั่งที่ Business Class เพื่อป้องกันการสังหารหมู่หรือจับไปตรึงกางเขน, เพราะผมต้องขดตัวกลมด้วยความระทมทุกข์ตลอดเส้นทางบินกลับไทย
[ทั้งที่มันคือความผิดของ Airlines ที่ Delayed ตัวเอง 2 ชั้น, ผลกรรมดันมาลงที่ผม]
แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีและก็มีเรื่องมา Share ลง Blog ให้ทุกท่านได้รู้เรื่องการต่อเครื่องมากขึ้น !
[Case นี้อยู่ในความรับผิดชอบของสายการบินเพราะมันเป็น “Connecting Flight” หรือก็คือทาง Airlines ต้องเป็นผู้ Manage เวลาให้แต่ถ้าใครซื้อตั๋วแยกแล้ว Flight แรกมัน Delayed จนขึ้น Flight สองไม่ทัน, มันเป็นคนละ Case กัน]
จริงๆ เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากสายการบินได้รึเปล่าก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ ?