Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“This isn’t a joke, We’re going to turn on the lights [11 pm] and search until we find it”
คือคำประกาศและการตัดสินใจของ Captain, หลังพบว่ามีผู้โดยสายที่ใช้มือถือ Samsung Galaxy Note 7 เป็น WiFi Hotspot บน Flight ของ Virgin Airlines ที่กำลังบินอยู่เหนือฟ้าระหว่าง San Francisco ถึง Boston กลางดึก
Captain จึงสั่งให้ “เปิดไฟทันที” แม้ตอนนั้นจะเกือบเที่ยงคืนแล้วและ “เราจะหาจนกว่าจะพบ !”
สุดท้าย, Captain ถึงขั้นเตรียมการ “ลงจอดฉุกเฉิน” หากไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ Galaxy Note 7
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ, หลังเกิดเหตุการณ์ Galaxy Note 7 ระเบิดนับครั้งไม่ถ้วนทั่วโลก…
แต่ก็เป็นจังหวะที่ดีที่สายการบินใหญ่อย่าง Virgin Airlines ได้พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ปัจจุบัน, Galaxy Note 7 ถูกสั่งห้ามขายทั่วโลกแล้วและไม่อนุญาตให้เปิดใช้งานบนเครื่องบิน
แต่ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งก็คือลูกค้าบางส่วนยังไม่ทราบว่า Galaxy Note 7 ของตนถูกเรียกคืน
และยังคงใช้งานต่อไปเรื่อยๆ
เรื่องนี้น่ากลัวมากตรงที่การระเบิดของ Galaxy Note 7 อาจไม่ได้ทำให้แค่เจ้าของได้รับอันตราย
แต่รวมถึงคนรอบข้าง, โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดเหนือท้องฟ้าอย่างบนเครื่องบินที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้
ดังเนื้อข่าวของ BBC ที่ถึงขั้นบอกว่า “The plane was mid flight when an attendant noticed a wifi hotspot, A Galaxy Note 7 wifi hotspot and Everyone else makes a Horrified Face !“
แม้สุดท้ายจะกลายเป็นแค่ “เรื่องตลก” เมื่อผู้โดยสารคนหนึ่งสารภาพว่า “มันไม่ใช่ Galaxy Note 7”, เขาแค่เปลี่ยนชื่อเพื่อสร้างความตกใจเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าคนทั้งลำจะไม่ขำด้วยเท่าไรดังที่ Captain ประกาศว่า “This isn’t a Joke”
และก็ชัดเจนว่า Galaxy Note 7 มีค่าเท่ากับ “ระเบิดมือ” ไปแล้วจริงๆ