Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ที่อยาก Share ก็เพราะช่วงนี้มีคนมาชวนผมเล่นหุ้นเยอะมากอย่างประหลาด
ก็ไม่ใช่ว่าการเล่นหุ้นมันไม่ดีแต่ก็มีหลายท่าน “เตือน” มาเช่นกัน
ด้วยเหตุผลว่า “ช่วงที่เศรษฐกิจบรรลัย = คนส่วนหนึ่งจะหันมาเล่นหุ้น” ทั้งที่ไม่มีความรู้ใดๆ แต่แค่ต้องการจะ “หนี” จากการทำธุรกิจส่วนตัว, โดยเฉพาะพวก SMEs ที่มักจะ “ล้มก่อนใคร” และข่าวนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงหน้าผู้ใหญ่ท่านนั้นที่เตือนมา…
ไม่พาดพิงตัวผู้ตาย, ก็จะไม่ขอเขียนถึงชื่อและที่อยู่
แต่เนื้อหาของข่าวก็ทำให้คิดถึงสิ่งที่เขาเตือนมาจริงๆ
1. ชายคนนี้เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์, ซึ่งก็ถือว่า “มีการศึกษาดี”
2. มีธุรกิจส่วนตัวด้าน Computer & IT แต่เพิ่งจะปิดตัวลงเพราะขาดทุนหนัก
3. กลับมาช่วยที่บ้านขายของได้ปีกว่าๆ
4. ติดหนี้เพราะหุ้นล้านกว่าบาท, เป็นเงินที่พ่อเขา “กู้มาอีกที”
5. คาดว่ามีโรคส่วนตัวบางอย่างที่กังวลอยู่ด้วย [แต่ข่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดของโรค]
6. สุดท้ายพบเป็นศพ, ฆ่าตัวตายด้วยการใช้ปืนยิงเกือบสิบนัด…
ผู้ใหญ่ท่านนั้นเคยเตือนผมว่า “ในสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้าย > SMEs จะตายก่อน [หรือบางคนก็เลือกจะปิดกิจการด้วยตัวเอง] > หันมาเล่นหุ้นเพราะคิดว่าไม่ต้องคอยกังวลเรื่องทุนจมหรือ STock สินค้า > เอาเงินที่เก็บทั้งชีวิตมาลง > จบด้วยการหมดตัว”
ผมเองก็เคยไปบรรยาย “How to be Blogger” ให้นักลงทุนฟัง [หลายๆ ครั้งก็โดนชวนเล่นหุ้นหรือ Forex] และแนวคิดของการได้กำไรจากหุ้นก็แค่ “ซื้อตอนมันถูก & ขายตอนมันแพง”, ช่างแสนง่ายดายเมื่อเทียบกับการฝ่าฝันสร้างธุรกิจของตัวเอง !
ไม่ต้องทะเลาะกับลูกค้า / ไม่ต้อง Stock ของ / ไม่ต้องบริหารคน / ไม่ต้องเสี่ยงทุนจม
เมื่อไรที่เศรษฐกิจล่มสลาย, ก็จะมี SMEs หนีมาหาตลาดหุ้นเสมอ
ส่วนหนึ่งอาจรอด, ส่วนหนึ่งอาจรุ่งแต่ไม่ใช่ทุกคน
ส่วนตัวผมไม่ได้มี Bias อะไรกับหุ้น, ไม่ได้คิดว่ามันดีหรือแย่กว่าการสร้างธุรกิจของตนและจริงๆ ผมคิดว่าทั้งสองสิ่ง “เหมือนกันด้วยซ้ำ” ตรงที่ “เราต้องศึกษา” เพียงแค่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันดู “ชวนเชื่อ” มากๆ ว่าการเล่นหุ้นคือ “การลงทุนในฝัน”
และเมื่อวาน, Startup ที่ผมรู้จักซึ่งเคยระดมทุนได้หลักสิบล้านก็ล้มไปอีกหนึ่งราย…