Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
วันนี้ผมข้ามซีกโลกมาเซนต์สัญญาปล่อยเช่าบ้านแถวฝั่งธนฯ, พอดีมีคนมาขอใช้ตึกทำ Office [ปีนี้ใครมีรายได้จากอสังหาฯ กรุณาทำเอกสารภาษีโรงเรือนให้ชัดเจนด้วยเพราะคุณสรรพากรที่เคารพเขาฝากเตือนมา] และผมก็ตัดสินใจขับรถไป
ปรกติผมเป็นคนที่แทบจะไม่ขับรถ, ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยอยู่ไทยและชอบใช้ Uber หรือไม่ก็รถไฟฟ้า
ใครอยู่เมืองนอกบ่อยจะทราบดี, การขับรถในกรุงเทพฯ มันเหนื่อยมากๆ และยังลำบากเรื่องหาที่จอดสุดๆ
บางปีเติมน้ำมันไม่ถึง 3 ครั้ง, เอารถเข้า Check ทีไรก็โดนทักว่า “ครึ่งปีวิ่งไม่ถึงร้อยโล…”
ช่วงแรกๆ ที่ Uber หายไป, ผมก็หันมาลองใช้ GrabCar & GrabTaxi แต่สุดท้ายเริ่มไม่ไหวจริงๆ กับสิ่งที่เจอ
ทุกสิ่งที่ผมเคยหนีจาก Taxi : มันกลับมาหมดแล้วบน Grab
1. ไม่อยากได้ลูกค้าคนไทย : รับฝรั่งดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ / บางทียังมีเงินค่ายกกระเป๋า / วิ่งสั้นๆ ทำรอบง่าย
2. บ่นงานตัวเอง : ขับ Grab ไม่พอกิน / ไหนจะมีค่าล้างรถ / ไปไกลก็บ่นตลอดทางเพราะไม่อยากวิ่ง “รถเปล่า” กลับ
3. ด่าผู้โดยสารให้ฟัง : E นั่น E นี่เรียกรถแล้วไม่ยอมมายืนรอ / มันใช่หน้าที่ผมไหมที่จะต้องโทรตาม / ปักหมุดก็ไม่ตรงเป็นคนไทยรึเปล่า [อยากบอกว่าเพราะระบบแผนที่ของ Grab มันแย่กว่า Uber มาก, นี่พูดในฐานะที่นั่ง Uber มาเป็นพันๆ หน]
4. ชวนคุยเรื่องการเมือง : บางครั้งอาจไม่ใช่เรื่องสีเสื้อหรือเลือกตั้งโดยตรงแต่เริ่มๆ บ่นจากการที่ Grab โดนตำรวจจับ
[คงเพราะสมัย Uber, มีการ “ช่วยคนขับ” สองสามพันบาทหากโดนใบสั่งแต่ Grab ไม่มีนโยบายที่ว่าฯ]
สุดท้ายก็ “วน” เข้าเรื่องรัฐบาลชุดนี้โง่กว่าชุดนั้น, แล้วก็ก่นด่างานตัวเองในข้อ 2 ต่อด้วยบ่นลูกค้าในข้อ 3
โดยเฉพาะ “ขับ Grab ไม่พอกิน” กับ “รับฝรั่งยังดีกว่า” และ “บ่นตลอดทางเวลาเรียกไปไกลๆ เพราะไม่อยากตีรถเปล่า”
เหมือน Taxi เมื่อประมาณสามสี่ปีก่อนทุกประการ
โดย GrabCar มักจะบ่นสองข้อหลัง, ส่วน GrabTaxi จะด่าสองข้อแรก
และเพิ่มปัญหาให้ผมเข้าไปอีกขั้นเพราะ Grab สองแบบนี้ยัง “ด่ากันเอง” ให้ผมฟังแทบทุกครั้งที่นั่งอีก
Taxi บางคันที่มาขับกับ Grab ยังมองว่า “พวกรถบ้าน [GrabCar] มันมาแย่งงานทั้งที่ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ” ส่วน GrabCar ก็มักจะดูถูก GrabTaxi ว่า “ไม่ทิ้งสันดานเลวๆ สมัยขับ Taxi”, แล้วก็หันมาไล่เบี้ยกับผมว่า “เห็นด้วยไหมละ ?”
[ผมเคยเจอคนขับ GrabTaxi ที่ “สมน้ำหน้าพวก GrabCar เวลาโดนตำรวจเรียก” ด้วย, เพราะ GrabTaxi ไม่โดน]
วันนี้ผมต้องเดินทางจากฝั่งสุขุมวิทไปฝั่งธนฯ ช่วง Rush Hours, ราคาไปกลับคร่าวๆ หากเรียก Grab ก็ราว 800 บาท
สุดท้ายก็ตัดสินใจ “ขับรถไปเองดีกว่า” เพราะไม่อยากนั่งฟังคำบ่นว่า “เดี๋ยวต้องตีรถเปล่ากลับ” และก็เริ่มรู้สึก “เกรงใจคนขับที่ต้องเสียโอกาสในการรับฝรั่ง”, ที่สำคัญคือผมต้องการนั่งเงียบๆ คิดเรื่องที่จะไปเจรจาธุรกิจว่าจะปิด Deal อย่างไร…
ค่าน้ำมันไปกลับไม่ถึง 400 บาท, คาดว่าจากนี้คงได้เติมบ่อยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้