Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“NHK คือช่องฝึกภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดของผมช่วงแรกเริ่ม” และ “ภาษาอังกฤษใน SitCom คือสิ่งที่ยากที่สุด” เป็น 2 ประโยคที่ผมพูดทีไรคนก็แปลกใจ, โดยเฉพาะกับคนที่อาจไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ [แบบใช้งานได้ในชีวิตจริง] เท่าไร
ทุกวันนี้เรามี YouTube, ผมเห็นอาจารย์หลายๆ ท่านก็แนะนำว่าให้ฝึกภาษาจากช่องพวกนี้
Sitcom และพวกหนัง Comedy ที่ออกขำๆ น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี, ได้ภาษาที่สดใหม่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน
แต่ความจริงที่ผมพบคือ “ตรงข้าม”, แนวเนื้อหาที่ฟังง่ายสุดจริงๆ คือ “สารคดี”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, NHK
SitCom คือยากมาก, หนังสือแนวสาวเมืองใหญ่ติงต๊องก็เช่นกัน
แต่ผมก็อ่านประจำ, ที่นั่งพลิกๆ อยู่ตอนนี้ที่ Starbucks [Christmas แล้ว] ก็คือ Match Me if You Can
ที่ยากก็เพราะมัน “เขียนเพื่อฝรั่ง” จึงเต็มไปด้วย “มุข” ที่เรา “เข้าไม่ถึง” อย่างในเรื่องนี้ก็พูดถึง NFL [The National Football League ของ USA และคำว่า “Football ในที่นี้ก็หมายถึง “American Football” อีกต่างหาก] หรือเรื่องเสียดสีสังคม
ยิ่งเป็น “SitCom” ที่ตัวละคอนมักจะ “แย่งกันพูด” เพื่อตัดมุข, พอฟังประโยคแรกไม่เข้าใจจะยิ่งตามไม่ทัน
ตรงกันข้าม, ผมพบว่า “สารคดี” คือสิ่งที่ฟังง่ายที่สุด [อย่างไม่น่าเชื่อ]
เพราะตัว Narrator มักจะพูดช้าและยิ่งถ้าเนื้อหามันยากก็จะยิ่งขยายความเยอะ, เพื่อให้คนที่ไม่มีพื้นมาก่อนได้เข้าใจ
นั่นคือเหตุผลที่ต่อเนื่องว่าทำไม NHK คือเป็น “ช่องฝึกภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดของผม”
เราเริ่มดูจากสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วก็ได้, แต่นำเสนอในมุมอื่น
NHK World ชอบเล่าเรื่องแบบ “ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น” ให้คนต่างชาติเข้าใจ
ภาษาอังกฤษที่ใช้จึง “เป๊ะ” ไม่แพ้ฝรั่ง, แต่มักจะ “ชัดถ้อยชัดคำ”
เพราะต้องอธิบายสิ่งที่ฝรั่งไม่คุ้นเคยให้ชัดเจน
ผมก็เลือกจากสิ่งที่ตัวเองรู้จักหรือสนใจก่อนอยู่แล้วเช่น “ตะลุยกิน Ramen 10 ร้านใน Tokyo“ ซึ่งก็อาจจะเคยไปทานมาแล้วสามสี่ร้าน, ทำให้เวลาดูมันยิ่ง “ติด” เข้าไปใหญ่และต่อให้ฟังไม่ออกทุกคำก็ไม่เป็นไรเพราะเราจะมีพื้นฐานความเข้าใจอยู่แล้วนั่นเอง
ไม่ต้องไปพยายามดูข่าว CNN ที่พูดถึง Donald Trump หรือ BBC ที่วิเคราะห์ Brexit ก็ได้
พวกนั้นเราไม่มี “พื้นฐาน” หรือ “ความเข้าใจสถานการณ์ร่วม” อยู่เลย, ยิ่งดูก็ยิ่งไม่เข้าใจและยิ่งท้อเปล่าๆ
[Ramen by Menya Ittou บน TG First Class เป็นอะไรที่ AMazing Thailand จริงๆ]
ที่เขียนนี่ก็ไม่ได้จะชมตัวเองว่าเก่งภาษาอังกฤษมากมายอะไรเพราะผมก็ไม่ได้เก่งจริงๆ นั่นแลฯ แต่ปัจจุบันก็ทำงานกับคนต่างชาติพอไหว / ดูข่าวรู้เรื่อง / แบกเป้มั่วๆ ไปมาหนึ่งในสามของโลกคนเดียวได้, โดยที่ผมเรียนไม่จบกระทั่งปริญญาตรี
คือไม่ต้องห่วงว่าผมจะมี “พื้นฐานที่ดีกว่า” ทุกท่าน, พ่อผมก็เป็นแค่ Messenger ขี่มอ’ไซค์ส่งอะไหล่
ภาษาส่วนใหญ่ได้มาจากการแบกเป้คนเดียว
และก็จาก YouTube
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่ดีมาก, จะยากดีมีจนก็เข้าถึงความรู้ได้เท่าเทียมกัน
ขอแค่มีความสนใจ, ไม่มียุคไหนอีกแล้วที่เราฟังบรรยายของ Professor ระดับโลกได้ฟรีแบบที่แทบจะ Realtime