Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
Backpack สู่ Macau คราวนี้ไม่เหมือนกับการ Backpack ครั้งก่อนๆ
ผมไปพร้อมกับเสียบหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านค้างคา, Eat Pray Love ไว้ที่เป้และคำถามว่าความสุขในชีวิตคืออะไร ?
เครื่องบินขึ้นจาก Airport ตอน 6 โมงเช้า วันที่ 31 May, ทีแรกผมลังเลว่าจะไปดีไหม ? เพราะเพิ่งกลับจากดูงานที่ Hong Kong เดือน April แต่ในคืนวันที่ 30 ผมได้เจอกับแฟนเก่าคนหนึ่งโดยบังเอิญที่ Starbucks
เราจบกันไม่ดี [เลวร้ายมาก] และการพบกันครั้งนี้, เราทำได้แค่เดินสวนกัน ไม่มีใครทักใคร…
เดือน May ที่ผ่านมา ผมได้ Income ทะลุแสนไปไกล แต่เป็นเดือนที่ผมพบว่าไม่มีความสุขเลย…
ตี 4, ลากกระเป๋าออกจากบ้าน เดินหา Taxi ไปสุวรรณภูมิ โดยไม่มีแผนใดๆ ในหัว [แผนที่ก็ไม่มี]
ผมหิ้วเป้ใบหนึ่งขึ้นเครื่อง ตลอดคืนไม่ได้นอน จึงหลับสนิทตอนเครื่องบินอยู่บนฟ้า มารู้ตัวก็ตอนลืมตาที่สนามบิน MAcau
หยิบแผนที่ 1 อันมั่วๆ แล้วมองหารถเมล์ฟรีจากสนามบิน เพื่อไปหาที่พักแถว Senado Square
แต่ช่วงนี้ Bus Station ของสนามบินเค้าซ่อม… ผมหิวข้าวมากเลยเรียก Taxi เข้าเมือง ในราคา 2 ร้อยนิดๆ และสิ่งที่รู้ ณ ตอนนั้นก็คือ Taxi พูดอังกฤษไม่ได้ เวลาเราขึ้นรถ, เค้าจะหยิบรายชื่อสถานที่ใน MAcau ให้เราชี้
ผมจึงไปถึง Senado Square อย่างงงๆ ด้วยวิธีนี้นี่เองฯ
จากนี้ ผมจะอยู่ MAcau 4 วันเต็ม…
ผมหาทางไปถนน Rua de Felicidade ไม่เจอ… มันเป็นถนนที่มี Guesthouse / Hostel เยอะ
และผมก็เพิ่งรู้อีกละว่าถนนที่ MAcau มันเป็นชื่อโปรตุเกสหมด… นอกจากนี้ตำรวจก็พูดอังกฤษไม่ได้
บังเอิญมากว่าชื่อถนนที่ผมจะไปพักก็ชื่อ Felicidade, แปลว่าความสุข
การ Backpack ครั้งก่อนๆ ผมจะนอนใน Hostel เล็กๆ แต่เป็นห้องใหญ่ๆ 4 – 8 เตียง, คือนอนร่วมกับคนหลายๆ ชาติที่มารวมกัน บางทีก็ได้คุยกับคนประเทศอื่นถึงเรื่องราวประเทศนี้ บางทีก็ได้เจอเรื่องน่ารักๆ มากมาย
แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจจะนอนคนเดียวเงียบๆ ให้เวลากับตัวเองเพื่อคิด…
ว่าทำไมเดือนที่ผ่านมาในไทย ผมถึงไม่มีความสุขนะ ?
ตลอดเดือน May, ผมไม่ค่อยสบาย หลับไม่สนิทและฝันร้าย ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ขึ้นมาอ้วก ร่างกายก็แย่มาก ด้วยอาการกรดไหลย้อน… อาจเพราะงานที่หนัก กลางวันทำ กลางคืนหลับฝันก็ยังพะวง
มารู้อีกทีก็สิ้นเดือน, Income เดือนนั้นเยอะสุดเท่าที่เคยได้ในชีวิต
และเป็นเดือนที่ผมใช้เงินเยอะมาก
หาได้มาก ก็ใช้มาก จบงานก็ Party, บาง Week มี Party 4 – 5 วัน
แต่เมื่อจบงานก็ต้องนั่งอยู่เงียบๆ คิด… ว่านี่คือความสุขจริงๆ รึเปล่า ?
ผมนั่งอ่าน Eat Pray Love ต่อใน Starbucks @ Senado Square… และก็บังเอิญอีกที่เรื่องราวของนางเอก, Liz กำลังเดินทางมาถึง India แต่สิ่งที่เธอเจอที่นี่ ไม่ใช่การเดินทางภายนอกแต่เป็นการกลับสู่ภายใน
Liz เป็นสาวชาว New York อายุ 32 ที่เพิ่งหย่าจากสามีและถามตัวเองว่าจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรต่อ ?
สิ่งที่เธอมองหาคือความสุขที่แท้จริง กับ พระเจ้าของเธอ
เป็นเรื่องแปลกที่ผมได้รู้เรื่องความสุขแบบง่ายๆ แนวตะวันออกจากฝรั่งคนหนึ่งในหนังสือที่ได้รางวัล New York Times Best Seller แต่ผมว่ามันมีคุณค่ามากสำหรับคนเมืองยุคนี้
Eat Pray Love พูดถึงความสุขในโลกภายนอก, ไม่ใช่ในวัด
แต่เป็นความสุขที่คนเมืองในโลก Materialism สามารถเข้าถึงได้ ผ่านการวิปัสสนาแบบพุทธ, สวดมนต์ถึงพระพรหม [Namah Shivaya] โดยที่เธอยังนับถือพระเจ้าในแบบคริสต์อยู่
เพราะเธอเป็น American, ชาว Materialism อันดับ 1 ของโลก
เธอไม่ต้องการเปลือก [Dogma] ของศาสนาใดๆ ถ้าศาสนาไหนมีอะไรดี เธอก็จะดึงมารวมกับหนทางสู่พระเจ้าของเธอ บนโลกจริง, โลกที่เธอยังต้องการผู้ชาย ต้องการ Party ต้องการกระเป๋าและรองเท้า Brandname
การเข้าวัดไม่ใช่ The Rest of her life, สักวันเธอก็จะต้องออกไปจากที่นี่และกลับ New York
ผมนั่งอ่านไป, มอง Senado Square ผ่านกระจกหน้าต่างของ Starbucks และกิน Blueberry Egg Tart [ของ Starbucks 18 HKD, แพงมาก – -*]
Liz ค่อยๆ พบกับนิยามของคำว่าความสุขในตัวเอง
สิ่งที่ทำให้ผมแทบจะร้องไห้ใน Starbucks ก็คือ “เราไม่มีความสุขเมื่อเรามีความสุข”
ความสุขมันเท่านั้นเอง…
เวลาที่เรามีความสุขที่สุด, เรากลับมองหาหนทางที่จะมีความสุขมากกว่านี้ให้ได้ในอนาคต หรือไม่ก็มองเทียบกับอดีตว่าก่อนหน้านี้ เคยมีความสุขมากกว่านี้
และแม้จะมองที่ปัจจุบันขณะ, เราก็มองด้วยความคิดว่า “ทำอย่างไร ความสุขนี้จะคงอยู่ได้นานๆ”
เราคิดอย่างหนัก,… เพื่อให้ความสุขอยู่กับเรา โดยที่เราไม่มีความสุขกับตัวความสุข ณ เวลานั้นเลย
เราทำแบบนั้นไปทำไม ?
ผมเดินไปเดินมาใน Macau แบบไม่มีจุดหมาย [โชคดีที่เอาเป้หนัก 8 โลกองไว้ใน Hostel แล้ว] ต่อด้วยขึ้นรถเมล์ที่วิ่งวนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ วนไปและวนมา พอหิวก็ลงรถหาของกิน [โจ๊กเป๋าฮื้ออร่อย ชามละ 98 HKD ใกล้ๆ Lisboa Casino]
อากาศที่ Macau กำลังสบายๆ 24 – 25 องศา
พอค่ำลงหน่อย ผมก็เปลี่ยนจากแก้ว Starbucks ในมือ กลายเป็นกระป๋องเบียร์ Asahi [7 – Eleven มี Promotion พิเศษ กระป๋องละ 4 HKD, 20 บาท o_O!!!]
เดิน… ไปเรื่อยๆ ผ่านโบสถ์ San Jose, ซากโบสถ์ St. Paul’s กลับมาที่ Senado Square
ไม่ได้ทักคน Macau แต่ได้ทักทายกับฝรั่งที่ลากกระเป๋าสวนกับผมไปทาง Grand Lisboa Casino
Pub / Casino และการขายเหล้าเบียร์ใน 7 – Eleven ที่ Macau นี่เป็นแบบ 24 Hr ครับ เปิดตลอด เพราะของเหล่านี้คือรายได้อันดับ 1 เข้าประเทศ Macau
[แต่ Starbucks & McDonald’s หน้า Senado Square ปิดเที่ยงคืน !]
แต่ละวัน พอถึงตอนเที่ยง, ผมก็จะสะพายเป้ [10 โลกว่า ยิ่งอยู่นานยิ่งหนักขึ้น] ออกเดินหาที่พักใหม่
เจอที่ไหนน่าสนใจก็แวะเข้าไปถามหาห้องว่าง เป็นภาษาอังกฤษ และบางครั้งก็ได้คำตอบเป็นภาษาจีน จบลงด้วยภาษามือ… บอกตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ว่าใช่, นี่คือความสุข ผมมีความสุขอยู่ ไม่เหมือนเดือนที่แล้วตอนอยู่ไทย
แต่จริงๆ ความสุขไม่ได้อยู่ใน Macau หรอก
และความสุขก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยด้วย
ความสุขมันอยู่ในตัวผมเอง
และความสุขไม่ได้อยู่ในเดือน June หรือในเดือน May แต่มันอยู่ในหนึ่งวันต่อวันแค่นั้นเอง
ผมเดินกลับมาที่ถนนแห่งความสุข, Rua de Felicidade และได้พบกับคู่แต่งงานใหม่กำลังถ่ายภาพบนถนนด้วยกัน ในชุดกี่เพ้าสีแดง ~ และผมก็ยิ้มออกมา เป็นการยิ้มแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่พอรู้ตัวก็ยิ้มอยู่แล้ว
ความสุขอยู่ในตัวผมเอง
ทุกวันที่ Macau, ผมจะไปนั่งอยู่ใน Starbucks @ Senado Square ราวๆ 3 ชั่วโมง…
เพื่ออ่าน Eat Pray Love, กิน Egg Tart กับกาแฟดำ และเขียน Blog นิดหน่อยกับ Trade หุ้นผ่าน SetTrade.com
แล้วก็นั่งรถเมล์มั่วๆ เป็นวงกลม
ข้ามไปฝั่ง Taipa, เข้า Venetian เพื่อไปซื้อ Chocolate ของ Maxim’s de Paris มาใส่กาแฟดำ STarbucks กิน [นับถือในความพยายามผมซะนะ – -] และได้พบเส้นทาง Jogging สายใหม่…
นั่นคือการวิ่งข้ามสะพานใหญ่จากเกาะ Macau ไปยังฝั่ง Taipa
ไม่คิดว่ามันจะมีคนบ้าวิ่ง แต่ตอนที่นั่งรถ Bus ข้ามไป ก็เห็นมนุษย์บ้าคนนึง [ไม่ใช่ผมนะ] วิ่ง Jogging อยู่ โดยแบกเป้ใบใหญ่ข้างหลังด้วย กลางแดดเปรี้ยงๆ
ครั้งหน้าผมจะกลับมาวิ่งบ้าง, ไม่ต้องพึ่งรถเมล์ 4.2 HKD
อีกที, ผมมาโผล่ที่วัดอาม่า [A-ma Temple] ไหว้อะไรก็ไม่รู้สักอย่าง [ไม่ได้ลบหลูแต่ไม่รู้อะไรเลย เพราะไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน – -] แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ไหว้ [ซึ่งก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไหว้ถูกวิธีรึเปล่าอีกละ]
แล้วก็เดินเลียบไปทางทะเล Macau เรื่อยๆ ในมือก็อ่าน Eat Pray Love ไป
นั่งรถรถเมล์ที่ป้าย, รถเมล์วิ่งผ่านไปฟรีๆ 3 คันเพราะมัวแต่อ่านหนังสือ – –
ระหว่างอ่านก็ตั้งเหรียญ HKD บนกำแพงหิน พยายามตั้งอีกเหรียญบนเหรียญแรกให้ได้ ก็ไม่รู้ทำไปทำไมอีก ?
ทำได้ก็ยิ้ม ทำไม่ได้, ล้มหมดก็หัวเราะ ดูโง่เง่ามากๆ แต่ก็มีความสุข
Tart ไข่ร้านทั่วๆ ไปอันละ 7 – 8 HKD [ซื้อของ Starbucks ได้ครึ่งอัน]
ผมไม่ชอบของหวานแต่ก็หม่ำตลอดทาง เจออะไรแปลกๆ ไม่เคยเห็นใน 7 – Eleven และตลาดข้างถนนก็ซื้อหมด ~
กินข้าวหน้าเนื้อวัวไปโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก [ผมไม่ทานสัตว์ใหญ่ -oo-]
ทุกๆ เช้าตื่นมา ผมก็จะยิ้มกับตัวเอง บอกว่านี่คือความสุขใน Macau, คือความสุขในตัวผมเอง
ผมอ่าน Eat Pray Love ภาค India จบที่ Starbucks Senado, ก่อนกลับเมืองไทย
Liz ได้พบกับพระเจ้าของเธอผ่านทางบทสวดของพราหมณ์และการวิปัสสนาของพุทธ, ผมว่าสิ่งที่เธอพบจริงๆ ก็คือตัวเธอเองภายใน ผ่านการเดินทางภายนอกข้ามทวีป
ที่จริงความสุขไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Tart ไข่ 1 อัน
ตอนที่กินมัน แค่รู้สึกว่าอร่อย
ผมไปเก็บสิ่งที่เรียกว่าความสุขกลับมาจาก Macau โดยใส่ในพุง [หม่ำๆ – -]
Hmm,.. และเพราะ Blog นี้ผมเขียนแบบเขียนไปเรื่อยๆ และผมก็อยากจะแบ่งความสุขที่หิ้วจาก Macau ให้ชาว Blog ทุกๆ คนด้วย… ดังนั้นใครที่เขียนคำว่า “Asahi” 3 คนแรกใน Blog นี้ ผมจะส่งขนม Asahi ไปให้ถึงบ้านละกัน *-*
ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย HTC 7 Mozart
เป็นการถ่ายอย่างมีความสุขโดยคุณ Cookie – -v
[audio:http://www.cookiecoffee.com/audio/A%20Felicidade.mp3|autostart=yes]
Comments are closed.