Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
แม้คุณพ่อผมจะเป็นแค่คนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของ, แน่นอนว่าบ้านเราไม่มีรถยนต์และมื้อพิเศษของครอบครัวในวันนั้นก็คือ “S&P” หรือไม่ก็ BBQ Plaza [ที่มารู้ทีหลังว่าคุณแม่เลือกทานแต่ผักเพื่อให้ลูกๆ ได้ทานเนื้อ] แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง “ขาด” อะไร
ไม่แม้แต่นิดเดียว…
วันก่อน, ผมเห็นข่าว “เด็กงอแงอยากได้ Tablet แต่ยายไม่มีเงิน”
สุดท้ายยายซึ่งเป็นคนกวาดถนนเครียดจัดถึงกับคลุ้มคลั่ง, คว้ามีดมาจ่อคอหลานอายุ 6 ขวบกลางห้าง
ผมนึกย้อนไปถึง “ของเล่น” ในวันที่ตัวเองยังเด็กและเห็นเพื่อนทุกคนมี “หุ่น” จากการ์ตูนเรื่อง Dragonball
ทุกคนมีของเล่นแต่ทำไมผมไม่มี…
นานมากแล้วแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยังจำเรื่องนี้ได้แม่นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อน
ตอนนั้น, การ์ตูนเรื่อง Dragon Ball ดังมาก [ช่วงที่พระเอกแปลงร่างเป็น Super Saiya ครั้งแรกระหว่างสู้กับ Freezer] และแผนกของเล่นตามห้างก็จะมี Model ตัวละครต่างๆ วางเรียงกันเป็นกล่องๆ แต่คุณพ่อผมเป็นแค่คนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของหาเช้ากินค่ำ
ทุกครั้งที่ไปเดินห้างกันวันหยุด, ผมก็จะไปยืนหน้าร้านเพื่อดูของเล่นราคาแพงๆ
เช่นเดียวกับที่ผมเคยเล่าว่า “ไปเกาะกระจกดู Menu ร้านอาหารแต่ไม่มีเงินจะเข้าไปกิน” ใน Blog เก่าๆ
“กุ้งชุบแป้งทอด” แบบก้อนแป้งหนาๆ จนตัวกุ้งดูกลมๆ ยังคงฝังใจอยู่ในความทรงจำจนทุกวันนี้
เมื่ออยากได้ของเล่นแต่ไม่มีใครซื้อให้, ผมก็ร้องไห้โวยวายและสุดท้ายก็…
ความทรงจำบนแผ่นโฟม
เมื่อเด็กคนอื่นๆ เอาหุ่น Dragon Ball มาเล่นสู้กันแต่ผมไม่มี
มันก็เข้ากลุ่มกับเขาไม่ได้
จะบอกพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจ, และวันนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาไม่มีเงิน
สุดท้าย, ผมก็เลยไป “ตัดภาพตัวการ์ตูน” เรื่อง Dragon Ball Z จากนิตยสาร [สมัยนั้นที่ดังมากคือ “TV Magazine”] มาแปะบนแผ่นโฟมหนาๆ แล้วก็ตัดโฟมอีกทีออกมาเป็น “Model” เล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่แล้วก็เกิดเรื่องที่คิดไม่ถึง…
เพื่อนเด็กๆ คนอื่นกลับชอบใจเพราะ “ผมมีหุ่นตัวใหม่ล่าสุดกว่าที่พวกเขามี !”
ถ้า Boss ใหญ่อย่าง Freezer แปลงเป็นร่างสาม, ผมก็พร้อมจะตัดมันออกมาเป็นของเล่นก่อนใครๆ
ผมไม่ขาดอะไรเลย
ถึงครอบครัวเราจะไม่มีเงิน / ไม่มีบ้าน / ไม่มีรถอย่างทุกวันนี้, ที่ผมสามารถซื้อ Model สักสองร้อยตัวมาถมที่เล่นได้ [คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทราบหรอกว่าผมทำงานหาเงินเรียนเองและจ่ายค่าเทอมด้วยตัวเองตั้งแต่สมัยมหา’ลัยก่อนจะลาออกตอนปี 4]
จากวันนั้นจนวันนี้, ผมไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
ยังติดนิสัยสวัสดียามหน้าตึก, ขอบคุณแม่บ้านทำความสะอาดและซื้อขนมฝากลูกของพวก Messenger
ยังนึกถึง “ของเล่น” ที่ทำขึ้นมาเองง่ายๆ, ไม่ปฏิเสธว่าตนเคยยากจนขนาดที่ต้องไปเกาะกระจกร้านอาหาร
โลกหมุนไป, น่าเสียดายที่ของเล่นอาจกลายเป็นระบบไฟฟ้าหรือว่า Digital
ที่เด็กยุคนี้ไม่สามารถทำขึ้นมาได้ด้วยการ “ตัดโฟม”
แต่ผมจะไม่โทษเด็กอายุ 6 ขวบคนนี้, เพราะเขาก็คือ “ตัวผมในอดีตที่ยืนร้องไห้หน้าแผนกของเล่น” โดยไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ไม่มีเงินจริงๆ และผมก็จะไม่โทษคุณยายคนกวาดถนนที่ไม่มีปัญญาซื้อ Tablet ในฐานะ “ของเล่น” ให้กับหลานของตน
แต่ผมไม่ทราบว่าจะโทษใครเหมือนกัน…