Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
“The coffee giant opened its first Starbucks Now location in Beijing, China”
และลักษณะพิเศษของร้าน “Starbucks Now” ที่เป็นแบบ “New Retail” ก็คือ “The format is designed to offer a streamlined experience for customers who have preordered online and also for delivery drivers & riders who are picking up online orders”
คำว่า “Retail” ก็คือสิ่งที่เราคนยุคเก่าคุ้นเคยดี, ความหมายง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ “หน้าร้าน” นั่นแลฯ
แต่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา, “Retail” เริ่มจะถูก “ฆ่า” หนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย Internet และสารพัดธุรกิจใหม่บนโลก Online
การที่แม้กระทั่ง Starbucks ยังต้องหันมาใช้ “New Retail”, อาจเป็นทางออกของธุรกิจบ้านเราด้วยก็เป็นได้
Starbucks Now, New Retail by Jack Ma
Concept ของ “New Retail” ที่ Starbucks Now เอามาใช้นั้น, ที่จริงคนนิยามศัพท์คำนี้ก็คือ Jack Ma แห่ง Alibaba ที่ต้องการ “คงประสบการณ์การเดิน Shopping ในร้านแบบยุคเก่า” เอาไว้แต่เพิ่มความสะดวกสบายแบบยุคใหม่ด้วย Technology
อาทิเช่น, เวลาเดินเข้ามาก็ไม่ต้องพกเงินสดเพราะลูกค้าสามารถ Scan จาก App
หรืออาจถึงขั้น “หยิบของเดินออกไปเลย [เดี๋ยวรัฐบาลจีนจะช่วย Scan ใบหน้าจ่ายเงินพร้อมส่งถึงบ้านให้…]”
อย่างผมเองก็เป็นคนติด Credit Card, ร้านไหนไม่รับบัตรก็มักจะไม่อุดหนุน
[เหตุผลจริงๆ คือ “ไม่ชอบการมีเศษเงินทอนในกระเป๋า”, มันดีมากเวลาสั่ง Starbucks ใน New York]
ถ้าเอาง่ายๆ, New Retail ก็คล้ายๆ การเปลี่ยนจากสังคมเงินสดเป็นสังคม Credit Card แล้วพัฒนาไปอีก Step
เช่น Starbucks Now, the New Retail
ลูกค้าอาจจะสั่งกาแฟผ่าน Starbucks App, ตัดเงินตรงขั้นตอนนี้เลย
แล้วก็เดินไปรับ Americano ร้อนที่หน้าสาขา [ในที่นี้ก็คือ Starbucks Now, ซึ่งจะเล็กกว่า Starbucks ทั่วไป]
หรืออาจเป็นการ “สั่งให้คนอื่นมาเอา” เช่นเพื่อนร่วมงาน
ไม่ก็พ่วงกับบริการ Delivery, ที่จะมีโต๊ะแยกต่างหากคอยบริการเพื่อความรวดเร็วฉับไว
สิ่งที่ Win สำหรับ Starbucks เองก็คือไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะเพราะทุกสิ่งจบสิ้นกระบวนการได้ด้วย Internet & App และ “ขนาดของหน้าร้าน” ที่ Starbucks ต้องเช่าก็ “เล็กกว่าปรกติเท่าตัว”, มีไว้แค่ให้คนมา “Grab & Go” ก็พอ
ส่วนตัวผมไม่ชอบแนวคิดนี้เพราะเป็นคนที่มีความสุขกับการนั่งกินกาแฟช้าๆ ในร้านเท่านั้น
หรือชัดเจนกว่านั้น, ผมไม่ได้ติดกาแฟด้วยซ้ำ
และหลายๆ ครั้งที่เข้า Starbucks ก็ไม่ได้อยากกินมัน
แต่แค่ชอบการ “นั่ง” ในบรรยากาศร้านกาแฟ, โดยเฉพาะ Starbucks ที่มักจะเปิดเพลง Jazz
แต่ก็นั่นแลฯ, ผมเองก็ต้องรับรู้ถึงโลกที่หมุนไปเช่นกัน
หากยังอยากจะทำธุรกิจ, มีชีวิตในโลกปัจจุบันโดยที่ไม่ถูก “Disrupted” ตาย
มันเป็นความจริงที่เศรษฐกิจไทยตอนนี้ “เลวร้าย”, ผมรู้ดีเพราะมีลูกค้าเป็น SMEs มากกว่ายี่สิบสามสิบสาย [และทุกรายก็บอกตรงกัน] แต่ก็เห็นด้วยว่ามันต้อง “[พยายาม] ปรับตัว” แม้จะเป็นเรื่องยากมากที่เราจะต้องสู้กับ “ทุนใหญ่” ไปจนถึงสู้กับ “จีน”
แนวคิด “New Retail” และการใช้ Technology, อาจเข้ามาช่วยได้บ้างก็ตรงนี้
อาจเทียบไม่ได้กับระดับ “New Retail” เต็มรูปแบบของ Jack Ma & Alibaba แต่ลูกค้าผมที่เป็น SMEs ใน Scale ไม่ใหญ่หลายรายก็เริ่ม “ลดขนาดหน้าร้าน” ลง, ผลอย่างแรกก็คือประหยัดต้นทุนได้ทันทีและข้อสองก็เริ่มหันมาใช้บริการพวก Delivery มากขึ้น
แต่ตรงนี้ก็ต้องระวังเหมือนกัน
เพราะ Jack Ma คุมเองตั้งแต่ต้นจรดปลายน้ำ, ยิ่งทำก็ยิ่งมีแต่จะถูกลงทุกๆ ด้าน
ในขณะที่เราต้อง “พึ่ง” บุคคลที่สาม
ถ้าวันหนึ่งพวกบริการ Delivery เปลี่ยนเงื่อนไขหรือเขี้ยวขึ้น, ก็ต้องหาทางหนีใหม่
เหมือนที่หลายๆ ธุรกิจ “ฝากชีวิต” ไว้บน Facebook Page ของ Zuckerberg
จนตอนนี้ราคา Ad พุ่งขึ้นมามหาโหดแต่ก็หนีไปไหนไม่ทัน, กลายเป็นต้นทุนประจำที่แพงกว่าค่าเช่าตึกด้วยซ้ำไป