Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
ยกบางส่วนมาจาก Facebook Page เช่นเคย
ช่วงนี้ผมลดการเข้าร้านกาแฟ Chain ใหญ่, หันมาอุดหนุนร้านเล็กๆ ของคนไทยด้วยกัน
หนึ่งในนั้นเป็นร้านที่ตกแต่งแนว “เชียงใหม่”
คือเปิดเพลงของคุณจรัลมโนเพชร [ศิลปินในดวงใจ, ถ้ามีดนตรีสักแนวที่ผมชอบมากกว่า Jazz ก็คือ “คำเมือง” จนบางทีก็คิดเหมือนกันว่าชาติที่แล้วผมน่าจะเป็นคนเชียงใหม่…]
ทันทีที่ผลักประตูเข้าร้าน, ได้ยินแต่เสียงสะล้อซอซึง
เรียกว่าเป็นร้านที่ผมเอาไว้ “หนีความจริง”
แม้ Covid จะมีผลกระทบบ้าง, แต่เท่าที่คุยได้ความว่าทุกอย่างยังคงไปได้สวย
ไม่มีคำว่าเจ๊งหรือปิดตัวแน่ !!!
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ “เลิกส่งผ่าน App แล้ว”
ด้วยเหตุผลว่า…
1. ราคากาแฟที่ร้านปรกติแก้วละ 65 บาท [Caffe Latte] ซึ่งก็ถือว่าถูกกว่า Starbucks ราวหนึ่งในสาม
2. แต่อย่างที่รู้กัน, บริการส่งอาหารจะหักหัวคิวร้านค้าราว 30% -35% !!!
3. บางร้านจึงใช้วิธี “ขึ้นราคาสินค้า”, อีกหนึ่งในสาม
4. แปลว่าราคากาแฟเราจะแพงเท่า Starbucks !!!
5. แล้วใครจะสั่ง ?!?
6. ยังไม่นับเรื่อง Promotion, ที่พวกร้านทุนใหญ่มีกำลังมหาศาลในการอัดงบ [เช่นหนึ่งแถมหนึ่ง] กวาดลูกค้าไปหมด
7. สรุปว่าจะบวกราคาเพิ่มหรือไม่ก็ตายอยู่ดี, แค่ตายคนละแบบ
8. ยิ่งร้านไหนต้องจ่ายค่าเช่าที่, นี่ก็อีกหนึ่งในสาม
9. บวกค่าพนักงาน & ค่าต้นทุนวัตถุดิบรวมไปอีกหนึ่งในสาม
10. ยังไม่นับ “ภาษี” ที่สิ้นปีต้องส่งให้คุณสรรพากร !!!
[ภาษีเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักจะลืมคิดไป, สุดท้ายขาดทุนแถมเป็นหนี้ชั่วชีวิตโดยไม่รู้ตัว]
11. ถ้าใครทำตลาด Online ด้วยการใช้ Facebook Ad, ก็จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งในสามให้ Zuckerberg
12. กำไรอยู่ไหน ?!?
13. ปัญหาอีกอย่างของร้านกาแฟ [และอีกหลายๆ ธุรกิจสมัยใหม่] ก็คือ “เหมือนๆ กันไปหมด”
14. อย่างร้านนี้, มีจุดเด่นคือ “ความเป็นเชียงใหม่”
15. ที่ผมเอาไว้ “หนีความจริง”
16. ถ้ามีร้านกาแฟสิบร้านให้เลือกใน Area นี้, ผมก็เลือกหนีมาเชียงใหม่
17. ผมย้ำเสมอกับลูกค้า SMEs ที่นัดมาปรึกษา, ว่า Character คือสิ่งสำคัญมากในโลกปัจจุบัน
18. ยิ่งมี Virus ยิ่งชัด, บางวันผมเลือกจะขับรถผ่านร้านกาแฟอีก 15 ร้านเพื่อมานั่งฟังคุณจรัลมโนเพชรหนึ่งเพลง
19. ซึ่งอีก 15 ร้านที่ว่าฯ ก็ผลัดกันเปิดผลัดกันเจ๊ง, จุดเด่นไม่มี [บางทีชื่อร้านยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำทั้งที่ขับผ่านทุกวัน]
แน่นอน, ที่ผมเขียนนี้คือแค่ “คร่าวๆ”
มันอาจมี Factors อื่นๆ อีกมากมาย
มีอีกเรื่องที่อยากเล่า, จริงๆ มันอาจตรงกับพฤติกรรมการสั่งอาหารผ่าน Apps ของหลายๆ ท่านอยู่แล้วแต่ไม่เคยสังเกต
เมื่อวันก่อน, ผมคุยกับ Digital Agency ที่ทำเกี่ยวกับ App สั่งอาหาร
เขา Share ตัวเลขให้ดูว่าร้านที่ “ได้เงิน” จาก App พวกนี้มีแค่ 2 แบบ
1. ร้านทุนใหญ่ๆ ในห้างที่อัด Promotion มหาโหด
2. ร้านที่โคตรเด่น, คือมี Character เฉพาะตัวมากๆ หรือมี Menu ที่หาจากร้านอื่นไม่ได้จนคนต้อง “ยอมจ่าย” แม้จะเสียค่าส่งระยะไกล
ส่วนร้านทั่วๆ ไป, แทบไม่ได้ตังค์
เพราะทุกครั้งที่คนเข้า App, ร้านแบบข้อ 1 จะขึ้นมาก่อน
และในสภาพเศรษฐกิจสุดเลวร้าย, คนก็จะจ่ายให้กับร้านข้อ 1
ส่วนกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อหรือมีวันพิเศษอยากฉลองก็จะจ่ายให้ร้านข้อ 2
99% ของกำไรตกอยู่ใน 2 ร้านนี้
ที่เหลือคือ “ทำเท่าไรก็เหนื่อยฟรี”
เหมือนตื่นเช้ามาหาเงินส่งหนี้, ให้บริการ Food Delivery / ค่าเช่าที่และ Facebook Ad
แต่ที่ Share นี่ไม่ได้จะโจมตี Apps
เพราะกลับกัน, หากเราเป็นร้านแบบ 2
Apps เหล่านี้จะเป็นเหมือน “สะพาน”, ให้คนที่อยู่ไกลๆ วิ่งมาหาเราด้วยซ้ำ
อยากเป็นร้านแบบไหนลองเลือกเอานะครับ