Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
สะดุดตาตั้งแต่ชื่อร้านเพราะ Snobbish แปลว่า “Having or showing the attitude of people who think they are better than other people” หรือเอาง่ายๆ สั้นๆ เป็นภาษาไทยก็น่าจะออกแนวๆ “หัวสูง”, โดยเฉพาะในเชิงรสนิยม
เช่นคนที่ฟัง Jazz ก็อาจ Look Down พวกที่ฟังแต่เพลง Pop & Dance
[หรือคนที่ถือ Vertu มา Review ร้านก็ชอบพูดว่า “iPhone 7 น่าเบื่อ“, กัดตัวเองหนึ่งที… ( ̄ー ̄;]
เช่นกัน, ผมเดาว่าทาง Snobbish ก็น่าจะตั้งชื่อร้านนี้ประชดตัวเองและสังคม
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่สำคัญเท่าการที่ Snobbish เปิด 24 ชั่วโมง, พร้อม Happy Hours ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน !
ที่จริงวันนี้ผมมีนัดไปคุยงานมื้อค่ำที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำบนชั้นสามของ BigC Ekkamai ที่ชื่อ “Ajidouraku” แต่เผอิญตอนที่นั่ง Clear งานอยู่ Starbucks ชั้นล่างและมองไปยังฝั่งตรงข้าม, เพิ่งสังเกตว่ามีร้านชื่อ Snobbish
พอลอง Googling ดูถึงรู้ว่ามันเปิดกันทั้งวันทั้งคืน 24 ชั่วโมง !
[ข้อเสียของ Ajidouraku คือปิด 4 ทุ่ม, บางครั้งยังคุยงานไม่ทันเมาเลยปิด Deal ไม่ได้…; ̄ロ ̄)]
Accidentally, เปลี่ยน Plan ทันทีมาเป็น Snobbish !
แผนที่ร้านก็ไม่ยาก, เดินตรงจาก BTS เอกมัยเข้ามา 11 นาที [0.7 km]
ตัวร้านอยู่ใต้โรงแรมเปิดใหม่ชื่อ “THA Hotel”, ปากซอยเอกมัย 6 ตรงกันข้ามกับ Czech และ BigC
โดยภาพทั้งหมดที่เห็นนี้ถ่ายตอน 8 – 10 PM, ด้วยกล้อง Vertu New Signature Touch เช่นเคย
Snobbish ตกแต่งอย่างสวยในแบบ “Snobbish” สมชื่อแต่ Staffs ทุกคนค่อนข้าง Friendly [ไม่มีมองคุณ Cookie The ซำเหมาด้วยหางตาแม้ว่าผมจะใส่กางเกงขาสั้น Uniqlo ลดราคาเหลือตัวละ 390 บาทก็ตาม ( ̄▽ ̄)ゞ]
การตกแต่งรวมๆ ออกแนว Industrial Loft, ฉาบดิบๆ ด้วยปูนเปลือยและอิฐ
ที่ชอบเป็นพิเศษคือ “ตัวร้านใหญ่” และ “มีสองชั้น”, บันไดเหล็กสีดำอยู่ตรงกลาง
ด้านบนเป็นห้องส่วนตัวพร้อมโต๊ะ Pool สีฟ้า, เดาว่าน่าจะขอปิดเพื่อใช้เป็น Meeting Room หรือประชุมได้
ส่วนชั้นล่างหน้า Bar มีโต๊ะไม้ยาวสำหรับนั่ง Share กัน, ให้บรรยากาศเหมือนร้านเหล้าเมืองนอก
แน่นอนว่าผมที่เข้าร้านมาก่อนก็เลือกนั่งโต๊ะนี้, แล้วพลิก Menu ดูสิ่งที่เป็น Signature [เหมือนชื่อมือถือที่ใช้]
หนึ่งในนั้นคือ Chorizo Pizza ที่หาทานไม่ค่อยง่ายในเมืองไทย
กับ Snobbish Chef Salad แล้วก็สั่งปีกไก่กับ Coronita Cocktail มาแกล้มกับ Magners Apple Cider อีกหนึ่งที่
ตัว Pizza เป็นแบบแป้งบางกรอบ, ด้านบนคือ Cheese และ Chorizo ที่ทำจากไก่
ปรกติ Chorizo ในต่างประเทศมักจะเป็นหมูหรือเนื้อที่เอามาหมักกับเครื่องเทศรสจัดจำพวก Pepper & Paprika แล้วปั้นเป็นก้อนหรือทำเป็นทรงยาวคล้ายกับไส้กรอกของเยอรมัน [Wurst] แต่ของ Snobbish เอามาทำเป็น Pizza
หน้าตาก็ไม่เลวในราคาแค่ 280 บาท, หั่นเป็น 8 ชิ้นโรยด้วยพริก Jalapeno
ส่วน Chef Salad ก็ต้องบอกว่าใช้ของดี, มี Ham / Cheese / ไก่อบแล้วโปะด้วยไข่ลวกปิดท้าย
ในบรรยากาศสบายๆ ไฟสีส้มและเพลงมาตรฐานนิยมของ Michael Buble อย่าง I Wanna Go Home
ช่างเป็น “Jazz” ที่ Pop สุดๆ ประหนึ่งว่าประชดพวก Snobbish ที่ไม่อยากจะตามกระแสแต่ก็หนีไม่พ้นวังวนนรกที่ว่านี้
ก็ไม่ทราบว่า Staff ร้าน Snobbish คิดเยอะดีหรือผมที่คิดไปเอง, แต่รวมๆ แล้วการเดินผ่านมา Snobbish แบบไม่ได้ตั้งใจ [เพราะ Ajidouraku มันดันปิดไว] ในคืนนี้ก็ทำให้ผมได้เพิ่มอีกหนึ่งร้านดีๆ ใน List แถวสุขุมวิทที่เปิด 24 ชั่วโมง !
เบอร์โทร Snobbish ก็ 0952052300, ถ้าเมาแล้วกลับไม่ไหวก็นอนในโรงแรม THA ไปเลยละกัน (  ̄ー ̄)σ