Special : "How to สร้างตัวตนออนไลน์ให้ชีวิตและธุรกิจด้วย Social Media !"
“It is incredibly difficult to compete with Amazon these days” คือเหตุผลที่ Tesco UK ให้กับ BBC, ว่า “ทุกวันนี้มันยากเหลือเกินที่จะต้องสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon” เพราะตลาด Online ได้กลายเป็น “สถานที่ที่โหดเหี้ยม [Tough Market]”
Tesco จึงตัดสินใจปิดให้บริการ Online Store, ส่งผลให้มีพนักงานถูกลอยแพทันทีกว่า 500 ชีวิต
ข่าวนี้ทำให้ผมคิดถึง Blog เก่าว่าด้วย “การขายของ Online ขาลงแล้วจริงไหม : ถาม Pantip ได้ !”
เพราะปัจจุบัน, ตลาด Online ได้กลายเป็น “สถานที่ที่โหดเหี้ยม” ไปแล้วจริงๆ
เหตุผลหนึ่งก็คือ “ยักษ์ใหญ่ลงมาเล่นเอง”, ยิ่งสำหรับเมืองไทยที่ “เปิดทางให้จีนเต็มพิกัด” ด้วยแล้ว…
ทั้งที่ Tesco เองก็ใหญ่ติด Top 3 ใน UK
แต่ CEO ของ Tesco ก็ยังบอกว่า “ไม่ไหว” เมื่อต้องลุยกับยักษ์ที่ใหญ่กว่าอย่าง Amazon
ทั้งที่จริงๆ แล้ว, ยอดขายของ Tesco Online Store ก็ยังไปได้เรื่อยๆ
แต่ผู้บริหารมองว่า “ไม่คุ้มเหนื่อย” เพราะมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเยอะ, เช่นการ Stock สินค้าที่เสี่ยงทุนจมเนื่องจากโลกปลี่ยนไว / ค่าขนส่ง [รวมทั้งความเสี่ยงที่สินค้าจะพัง] และยังมองไม่เห็นว่าจะกลับมาทำกำไรได้อย่างไร [no route to profitability]
และ BBC ยังเขียนถึงขั้นที่ว่า “if Tesco can not make it work, it is difficult to see who can”
“ถ้าระดับ Tesco ยังไม่ไหว, ใครมันจะไปรอด”
เพราะที่จริง, Sainsbury ซึ่งเป็นอีกหนึ่งใน Top 3 แห่ง UK ก็เพิ่งจะถอนตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเช่นกัน…
ตลาดจะกลายเป็นของรายใหญ่และพ่อค้าจีน
แม้กระทั่ง Facebook ส่วนตัวผม, พักนี้ก็มีแต่ Ad โฆษณาของ “ร้านจีน” ที่เด้งขึ้นมา [สังเกตจากการใช้ภาษาไทยแบบประหลาดๆ เหมือนแปลด้วย Google Translator และเมื่อทักไปก็จะตอบกลับมาด้วย Robot] กับราคาที่ถูกจนต้องหงายหลัง !
จากเดิมที่พ่อค้าแม่ค้ารับของจากจีนมา [แล้วก็ตัดราคากันเองหนักขึ้นทุกวัน…], กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ซื้อตรงได้เลย
พร้อมๆ กับที่กลุ่ม “ทุนใหญ่” เองก็หันมาลุยตลาด Online และแน่นอนว่ายิ่งทุนหนาเท่าไร, ก็ยิ่งขายได้ในราคาที่ถูกลง
เพราะทุนใหญ่สามารถสั่งผลิตทีละมากๆ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง, แล้ววันดีคืนดีก็ “ถล่มด้วยสงครามราคา”
พอถึงวันนั้น, รายใหญ่จะได้ทั้ง “กำไรต่อชิ้น” ทั้ง “ยอดขาย” และนี่คือความโหดเหี้ยมที่ชนะกันด้วยเงินทุน
เวลาเห็นชาว Pantip ตอบกระทู้ว่า “ก็พวกคุณไม่รู้จักปรับตัว”, ผมเชื่อว่าคนพวกนี้ไม่เคยทำธุรกิจจริงๆ