Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“Science fiction has long imagined a future in which humans are ousted from their jobs by machines But For 34 staffs at a Japanese insurance firm, that vision just became a reality”
BBC รายงานข่าวนี้จากญี่ปุ่น, เมื่อบริษัทประกันชื่อ Fukoku Mutual ไล่ “มนุษย์” ออกทั้งแผนก
และใช้ AI [Artificial Intelligence] หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” มาทำงานแทน
ที่น่ากลัวก็คือ Fukoku Mutual คาดว่านโยบายนี้จะทำให้บริษัททำกำไรเพิ่มได้ถึง 30% !
[The firm believes it will increase productivity by 30%]
Good Bye Salary Man
พร้อมกับลดรายจ่ายด้านค่าจ้างแรงงานคนลงได้อีกปีละ 140 ล้านเยน [Fukoku Mutual expects to save around 140 million yen a year in salaries], มีอีกสามบริษัทประกันที่กำลัง “วางแผน” จะทำตาม Fukoku Mutual
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ
เพราะหน้าที่ของ AI ในแผนการณ์ครั้งนี้คือ “รวบรวมข้อมูลทั้งหมด”
แล้ว “ประมวลผล” ออกมาว่าใครน่าจะเป็นลูกค้าประกันได้บ้าง, ใน Package แบบใดที่ราคาเท่าไร
โดย AI จะทำงานร่วมกับ Database ของโรงพยาบาลและเอกสารด้านสุขภาพซึ่งไม่มีคำว่าผิดพลาด
เมื่อเทียบกับค่าจ้างพนักงานปีละ 140 ล้านเยน, ค่า Maintenance ระบบ AI จ่ายเพียงปีละ 15 ล้านเยนเท่านั้น
IBM Japan & Watson AI
“Watson is a cognitive technology that can THINK like a human” คือ SLogan ของ AI ชื่อ Watson โดย IBM และ AI ที่ Fukoku Mutual ใช้ก็คือ IBM Watson ที่ว่า, ซึ่งมาพร้อมความสามารถทั้ง 4 เหนือกว่า AI ในยุคเก่า
1. Understand : Watson เข้าใจข้อมูลที่สะเปะสะปะ, ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรที่ไม่เป็นระเบียบหรือภาพและเสียง
2. Learn : จากข้อมูลที่ตายตัว, Watson สามารถ “ต่อยอด” ความรู้เองได้
3. Reason : คือขั้นตอนการ “ตัดสินใจ” ด้วยตัวเองหลังทบทวนเหตุผลจากฐานข้อมูล
4. Interact : ตอบโต้กับมนุษย์ได้, ในฐานะ Call Centre หรือ Specialist
ที่สำคัญคือ AI ไม่ต้องการพักร้อน / ไม่ลาคลอด / ไม่ต้องกลับบ้าน / ไม่เรียกร้องสวัสดิการและไม่หยุดงานประท้วง…
นอกจากธุรกิจประกันภัย, ยังมีสายงานอีกมากมายที่ AI มีประสิทธิภาพเหนือกว่ามนุษย์
และ AI ก็เริ่มย้ายจากบริษัทใหญ่มาอยู่ในส่วนของผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ, ในอนาคตอันใกล้เราอาจได้ “คุย” กับ AI ของทุก Brand ในโลกด้วยการ Chat ผ่าน Application บน iPhone โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า “สิ่ง” ที่คุยกับเรานั้นไม่ใช่คน :]