Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
“A special 10th anniversary edition of the iPhone 8 [or iPhone X] is expected to be the Ultimate iPhone and it will come with a price tag to match, very likely north of 1000 USD [35100 THB]”
ข่าวการเปิดตัว iPhone 8 รุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี [อาจ Made in USA] ที่ราคา 1000 USD เคยทำให้หลายคนตกใจ
แต่วันนี้ FastCompany ได้ให้มุมมองใหม่อย่างหนึ่งเอาไว้ว่า
“จริงๆ ราคา 35100 บาทไทยก็ไม่ได้ถือว่าน่าประหลาดใจเท่าไร”
เมื่อเทียบกับ iPhone 7 Plus 256GB ที่ปัจจุบันนี้ก็ตั้งราคามาที่ 39500 บาท…
จริงๆ ราคา iPhone 8 ที่ 35100 บาทก็ไม่ได้แพงอะไร
“The price tag is not very Surprising considering that the 256GB version of the iPhone 7 Plus sells for 969 USD and the new iPhone 8 is expected to be packed with many more features”
“Many More Features” ที่ว่าก็เช่นจอภาพ OLED แบบไร้ขอบขนาด 5.8 นิ้ว
กล้องคู่ [Dual Camera] ที่คาดว่าจะมาในแนวตั้ง [Vertical Design]
การออกแบบใหม่หมดพร้อมคุณสมบัติกันน้ำระดับ IP68
และที่สำคัญก็คือ iPhone 8 จะเป็น “รุ่นพิเศษ” ที่ทำตลาดในขนาดจอใหญ่คล้าย Plus Series โดยตัวมันเองอยู่แล้ว
การเปิดราคาที่ 1000 USD จึงไม่น่าแปลกใจอะไร, และก็เพราะ Tim Cook จะมีอีก 2 ตัวเลือกใหม่ให้ซื้อด้วยนั่นคือ…
iPhone 7S ที่เริ่มต้นราคา 649 USD เหมือนเดิม !
สรุปง่ายๆ ว่าราคา iPhone จะไม่ได้แพงขึ้นเลยเพราะ iPhone 7S ซึ่งเป็นรุ่นต่อเนื่องจาก iPhone 7 จะยังคงเปิดตัวที่ 649 USD และ iPhone 7S Plus ก็ 769 USD เหมือนรุ่นเก่า, สองรุ่นนี้ถือว่า “เพียงพอกับการใช้งานทุกอย่างแล้ว”
ส่วน iPhone 8 [หรือ iPhone X] จะเป็นรุ่นพิเศษ
ที่อย่างน้อยๆ ก็มีขนาดจอใหญ่พอจะเปิดราคาเทียบกับตระกูล Plus Series
และ iPhone 8 จะมาพร้อมหน่วยความจำในตัวสูงอยู่แล้ว, การที่มันจะเคาะค่าตัว 1000 USD ก็ไม่แปลกอะไร
แน่นอนว่าใครไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องซื้อ, Tim Cook ไม่เคยเอาปืนมาจ่อหัวให้ไปต่อคิว…
ดังที่ FastCompany สรุปว่า “The [iPhone 8] price tag is not very Surprising” นั่นแลฯ
ที่เขียนนี่ก็บอกตรงๆ ว่า “ไม่ได้ประชดอะไร” เพราะผมเองก็ขาย iPhone 7 Plus ทิ้งมาซื้อ iPhone 7 ที่ “รุ่นเล็กกว่า” และ “ราคาถูกกว่า” เหมือนกัน, หลังจากพบว่าความจอใหญ่ของ iPhone 7 Plus มันเป็น “ภาระ” มากกว่า “ประโยชน์” เสียอีก
แต่พอมาคิดแบบที่ FastCompany ว่าไว้มันก็จริง, หรือผมติดกับดักการตั้งราคาของ Tim Cook เข้าแล้วก็ไม่ทราบ…