Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click"
--------------------------
ชายคนนี้เคยมีกระทู้ Drama อย่างหนักบน Facebook และชาว Pantip ก็คิดจริงๆ ว่าตน “ชนะ” เมื่อตามจับผิดเขามาประจานออกอากาศได้, แต่สิ่งที่คนไทยไม่ทราบก็คือสุดท้ายเขาไม่ถูกลงโทษตามกฏหมายใดๆ และยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายทุกวัน
มีอยู่คืนที่บังเอิญได้ไปนั่งดื่มด้วยกัน, สิ่งที่เขาสอนมามันมีค่ามากสำหรับผม [และสังคมไทย]
รายได้ของคนๆ นี้, ส่วนหนึ่งคือ Passive Income ที่เขาเอาเงินจากธุรกิจหลักไปใส่ไว้ในหุ้นและอสังหาฯ
อีกส่วนหนึ่งคืองานบริษัท, ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า “ไม่มีผลกระทบจาก Drama แม้แต่น้อย”
เพราะ “คนไทยส่วนใหญ่ต้องหาเช้ากินค่ำ, ไม่ว่างจะมารู้หรอกว่าธุรกิจไหนมีใครเป็นเจ้าของ” และ “สองวันก็ลืม”
4. และสังคมก็ไล่เขาออกจาก Passive Income ไม่ได้
ไม่เหมือนตำแหน่ง Vice President / CEO / ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ หรือข้าราชการ
ไม่ว่าเขาจะโดนถล่มโดน Drama แค่ไหน, ก็ไม่มีใครไล่เขาออกจากตลาดหุ้นได้
อสังหาฯ ก็เช่นกันเพราะผู้เช่าบ้านและ Condo ของเขา [ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Expats หรือไม่ก็นักลงทุนต่างชาติ] ไม่เคยสนใจเลยว่าใครจะขับรถชนคนตายหรือกฏหมายจะเอาผิดได้หรือไม่, ข่าวในไทยที่คนพวกนี้ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญคือ “Business”
คนในสังคม, บน Pantip & Social Networks อาจเฮฮากันอยู่สองสามวันว่า “ชนะแล้ว !”
แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไร…
เขายังแนะนำผมทิ้งท้ายว่า “ให้แบ่งเงินมาลงใน Passive Income เสมอ” เพราะอย่างน้อย…
3. ไม่ว่ามนุษย์ป้าจะด่าจะ Drama หรือว่าใส่ร้ายคุณเท่าไร
ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปได้อย่างสบาย
นี่ไม่ได้หมายความถึงโลกเสมือน Scale ใหญ่อย่าง “Social Networks” หรือ “Pantip” แต่ยังรวมถึงโลก Scale เล็กลงมาอย่าง “Office” เพราะมันหมายความว่าถ้าวันดีคืนดีเราไม่อยากทนกับ “มนุษย์ป้าขี้อิจฉา” หรือว่า “เจ้านายสมองน้อย”
คุณก็แค่เดินออกมา
[หรือว่าสาดกาแฟใส่หน้าป้าสักแก้ว]
จากนั้นก็พักผ่อนสักสองสามเดือน
ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้งกับบริษัทใหม่หรืออาจถึงเวลาแล้วที่จะมีธุรกิจอะไรสักอย่างของตัวเองเพราะ…
2. เพราะการมี Passive Income ยิ่งทำให้คุณกล้าลงทุนหรือทำสิ่งใหม่ๆ
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขารวยขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละวันแต่ละเดือนใช้แค่ “เศษๆ เงิน” จาก Passive Income, เอากำไรจากหุ้นหรืออสังหาฯ มาใช้จ่ายหรือไปเที่ยวและการที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าวันนี้จะมีอะไรใส่ท้องหรือไม่ก็ยิ่งทำให้กล้าออกไปใช้ชีวิต
เจอผู้คนกลุ่มใหม่ๆ, สร้าง Connections หลายๆ สายใน “ระดับบน” ด้วยกันเพื่อต่อยอดธุรกิจ
1. และก็เพราะว่าที่นี่คือเมืองไทย
เขาสอนผมว่าเมื่อไรที่คุณ “รวย” ถึงจุดๆ หนึ่ง, กฏหมายจะแยกกันใช้ระหว่าง “คุณ” กับ “คนจน”
ยามตามห้างไม่เคยสนว่าคนขับรถ Super Car คันนี้คือใคร, ทำผิดกฏหมายแค่ไหนหรือเคยชนคนตายมากี่ราย
แต่ยาม “ไหว้” เขาเสมอ, บางครั้งไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองด้วยซ้ำ…